Abstract:
แม้ว่าการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดจะมีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดเซลล์มะเร็งทั้งชนิดก่อนและมะเร็ง
ในระบบเลือด แต่ผลข้างเคียงที่ได้จากการได้รับจากยาเคมีบำบัดนั้นทำให้เกิดความทุกข์ทรมานกับผู้ป่วยและอาจเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิต การค้นหาสารจากธรรมชาติที่มีการออกฤทธิ์อย่างจำเพาะเจาะจงกับ
เซลล์มะเร็ง น่าจะเป็นทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาข้างต้นได้ จากงานวิจัยก่อนหน้าที่ได้แสดงให้เห็นถึงฤทธิ์ในการต้านมะเร็งของสารสกัดเอทานอลและสารสกัดน้ำจากใบชาขลู่ (Pluchea indica (L.) Less. ในการยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งเต้านมและเซลล์มะเร็งปากมดลูก งานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาต่อเนื่องถึงชนิดและฤทธิ์ของสารสำคัญที่พบในสารสกัดและเปรียบเทียบกับผลที่เกิดขึ้นในเซลล์ที่ไม่ใช่มะเร็ง ผลจากการทดสอบพบว่า สารสำคัญที่พบในปริมาณมากที่สุดในสารสกัดขลู่ คือ 4,5-di-caffeoylquinic acid (4, 5-diCQA) ซึ่งเมื่อนำสารนี้ไปทดสอบฤทธิ์ในการยับยั้งเซลล์มะเร็งพบว่า สามารถยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งปากมดลูก C-33A และเซลล์มะเร็งเต้านม MDA-MB-231 ได้ดีที่สุด โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 162 ± 6.34 และ 171 ± 5.22 μM ตามลำดับ และมีความเป็นพิษต่อเซลล์ที่ไม่ใช่มะเร็ง Vero ต่ำกว่า (IC50 มากกว่า 200 μM)
นอกจากนี้ ยังได้ทำการตรวจสอบระดับของอนุมูลอิสระ (reactive oxygen species, ROS) ภายใน
เซลล์มะเร็งทั้งสอง พบว่า เซลล์มะเร็งที่ได้รับสารทดสอบจะมีระดับ ROS เพิ่มสูงขึ้น 182.96 ± 15.04% และ 237.24 ± 52.35% ตามลำดับ ในขณะที่เซลล์ Vero จะมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ผลจากการทดลองนี้จึงเป็นข้อสรุปในเบื้องต้นว่า สาร 4,5-diCQA นี้ น่าจะสามารถนำไปเป็นสารตั้งต้นในการพัฒนายาต้านมะเร็งเต้านมหรือปากมดลูกที่มีประสิทธิภาพและลดอาการข้างเคียงให้กับผู้ป่วยได้