Abstract:
การอนุบาลและเลี้ยงปะการังสมองร่องยาว (Platygyra daedalea) วัยอ่อนในโรงเรือน พบว่าบริเวณเนื้อเยื่อมีอาการแถบขาว White Band Syndrome (WBS) จึงจำแนกอาการแถบขาว ตามลักษณะการของหลุดลอกของเนื้อเยื่อปะการัง ได้เป็น 4 กลุ่ม คือโคโลนีที่ไม่แสดงอาการแถบขาว (0), แสดงอาการแถบขาวเล็กน้อย 10 -20% (+1), ปานกลาง >20 -60% (+2) และรุนแรง > 60% (+3) โดยตรวจสอบการปนเปื้อนของแบคทีเรียรวม แบคทีเรียวิบริโอรวม ทั้งจากน้ำในถังเลี้ยงปะการัง และเนื้อเยื่อปะการังทั้งก่อนและหลังเปลี่ยนถ่ายน้ำ พบว่าปริมาณแบคทีเรียรวม แบคทีเรียวิบริโอ รวมทั้งจากน้ำในถังเลี้ยงปะการังที่มีอาการแถบขาว และเนื้อเยื่อปะการังจะมีปริมาณแบคทีเรียมากขึ้นตามระดับความรุนแรงของอาการแถบขาวอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) ซึ่งก่อนการเปลี่ยนถ่ายน้ำ พบปริมาณการสะสมของเชื้อแบคทีเรียวิบริโอรวมจากน้ำในถังเลี้ยงปะการังที่ (0) มีค่าเฉลี่ย± SE ที่ 5.49± 1.1 CFU/ml โดยปริมาณเพิ่มขึ้น 3 เท่า ส่งผลให้เกิดอาการแถบขาวเล็กน้อยที่เนื้อเยื่อปะการัง (+1) และความสัมพันธ์ระหว่างระดับความรุนแรงของอาการแถบขาวกับปริมาณเชื้อแบคทีเรียรวม และแบคทีเรียวิบริโอรวมในเนื้อเยื่อปะการังเพิ่มขึ้นตามระดับความรุนแรงของอาการแถบขาวเมื่อจำแนกชนิดเชื้อแบคทีเรียพบว่าส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Vibriospp. โดยเชื้อวิบริโอชนิดเด่นคือ V. parahaemolyticus รองลงมาเป็นชนิด V. alginolyticus และหลังการเปลี่ยนถ่ายน้ำเป็นเวลา 1 เดือน จึงสุ่มตัวอย่างพบว่าปริมาณแบคทีเรียลดลง 2 เท่า แต่อาการแถบขาวในปะการังยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากยังคงมีแบคทีเรียสะสมในเนื้อเยื่อปะการัง ดังนั้น ปัจจัยสำคัญในการเลี้ยงปะการังคือการจัดการระบบสิ่งแวดล้อมภายในถังเลี้ยงโดยทำความสะอาดถังเลี้ยง และเปลี่ยนถ่ายน้ำในทุก ๆ วันเพื่อลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียที่อาจเป็นสาเหตุของอาการแถบขาวในปะการัง ซึ่งควรมีการทดลองเพื่อยืนยันสาเหตุของโรคจากเชื้อแบคทีเรียต่อไป