Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้เมืองฉะเชิงเทราพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและกระบวนการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ตลอดจนผลกระทบที่เกิดจากพัฒนาการทางเศรษฐกิจของเมืองฉะเชิงเทราโดยใช้การวิจัยเชิงคุณภาพ ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้ฉะเชิงเทราพัฒนาอย่างรวดเร็วจากเมืองชั้นจัตวาจนกลายเป็นเมืองสำคัญทางทางเศรษฐกิจแห่งลุ่มน้ำบางปะกง ประกอบด้วย ปัจจัย 3 ด้าน คือ 1. ปัจจัยทางด้านภูมิศาสตร์และสิ่งแวดล้อม 2. ความหลากหลายทางด้านชาติพันธุ์ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาในการดำรงชีพและประกอบอาชีพ 3. นโยบายของผู้ปกครองอาณาจักรและรัฐไทยในแต่ละยุคสมัย ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ฉะเชิงเทรามีทุนของตัวเอง คือ แม่น้ำบางปะกงอันเป็นสายพานของระบบนิเวศ ที่เชื่อมต้นน้ำจากผืนป่าตะวันออกไหลลงสู่ทะเล ก่อเกิดเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพ เมืองที่มีฐานรากทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาก่อเกิดทรัพยากร บุคคล ที่สามารถพัฒนาต่อยอดการสร้างความเจริญ ซึ่งส่งผลต่อกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งทางด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรมและบริการ จนทำให้ฉะเชิงเทราเป็นเมืองสำคัญทั้งในด้านความั่นคงทางอาหาร ถือเป็นครัวของภูมิภาคของเมืองหลวงและของโลกเป็นเมืองที่มีผลผลิตทางด้านอุตสาหกรรมที่หลากหลาย มีการค้าขายและบริการที่เจริญรุ่งเรืองและที่สำคัญคือมีศักยภาพ และทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจที่ชัดเจนแบบค่อยเป็นค่อยไปตามธรรมชาติแต่หากมองในแนววิชาการจะเป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดด ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบทั้งในเชิงบวกคือเกิดการลงทุนทางด้านเศรษฐกิจเกิดการผลิตเพื่อการค้าเกิดการจ้างแรงงานการรับวิทยาการจากต่างชาติการขยายพื้นที่เกษตรกรรม เกิดการตั้งชุมชนเมืองขยายตัวการเป็นแหล่งรายได้ของรัฐและการพัฒนาสู่การเป็นเมืองรองของกรุงเทพฯ ส่วนผลกระทบในเชิงลบคือทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลาย ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ปัญหาแรงงานต่างด้าว ความเสื่อมของอุตสาหกรรมในครัวเรือน อิทธิพลและความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ตลอดจนสภาพสังคมและวิถีชีวิตของชาวเมืองฉะเชิงเทราเกิดการเปลี่ยนแปลงแต่ด้วยภูมิปัญญาของชาวเมืองนี้ที่ได้พยายามแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยการนำแนวพระราชดำริเกี่ยวกับปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ซึ่งถือเป็นเศรษฐกิจฐานรากมาปรับใช้ในวิถีการทำมาหากิน โดยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเกิดจิตสำนึกตระหนักรู้และร่วมกันอนุรักษ์ไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนต่อไป