Abstract:
ได้ทำการศึกษาฟลักซ์ความร้อนผิวหน้าทะเลบริเวณอ่าวไทยในแต่ละเดือนในรอบปีโดยใช้ข้อมูลฟลักซ์ความร้อนเฉลี่ยรายเดือน 4 ชนิด คือ ความร้อนจากการแผ่รังสีจากดวงอาทิตย์ ความร้อนจากการนำและการพาความร้อน ความร้อนจากการแผ่รังสีกลับของน้ำทะเล และความร้อนจากการเปลี่ยนสถานะของน้ำ พบว่าผิวทะเลได้รับความร้อนจากฟลักซ์ความร้อนจากการแผ่รังสีของดวงอาทิตย์มีค่าสูงสุด ในเดือนมีนาคม (256.85 W/m2) และมีค่าต่ำสุดในเดือนตุลาคม (174.4 W/m2) ฟลักซ์ความร้อนจากการแผ่รังสีกลับของน้ำทะเลทำให้เกิด
การสูญเสียความร้อนจากผิวหน้าทะเลต่ำสุดในเดือนสิงหาคม (-32.02 W/m2
) และสูงสุดในเดือนมีนาคม (-50.43 W/m2) ฟลักซ์ความร้อน
จากการนำและการพาความร้อนทำให้เกิดการสูญเสียความร้อนต่ำสุดในเดือนกุมภาพันธ์ (-10.83 W/m2) และสูงสุดในเดือนกันยายน (-20.08 W/m2
) ฟลักซ์ความร้อนจากการเปลี่ยนสถานะของน้ำทำให้มีการสูญเสียความร้อนต่ำสุดในเดือนตุลาคม (-65.8 W/m2) และสูงสุดในเดือนธันวาคม (-113.02 W/m2) ค่าฟลักซ์ความร้อนรวมมีทิศทางจากอากาศลงสู่ทะเลตลอดทั้งปีโดยมีค่าสูงสุดในเดือน เมษายน (110.89 W/m2) และต่ำสุดในเดือนธันวาคม (5.43 W/m2) เฉลี่ยตลอดทั้งปีมีค่าเท่ากับ 60.28 W/m2 โดยอิทธิพลหลักมาจาก
การแผ่รังสีจากดวงอาทิตย์และการเปลี่ยนสถานะของน้ำ การแพร่กระจายเชิงพื้นที่ของฟลักซ์ความร้อนรวมที่ผิวหน้าทะเลในช่วงเวลาต่าง ๆ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของกระบวนการระบายความร้อนที่ผิวทะเลโดยลม โดยพบว่าพื้นที่บริเวณท้ายลมมีแนวโน้มของการสูญเสียความร้อนมากกว่าพื้นที่บริเวณต้นลมเสมอ