Abstract:
งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาเนื้อหาทางอารมณ์ด้านความน่ากลัวที่ปรากฏในไตรภูมิพระร่วงและโองการ แช่งนํ้า และกลวิธีทางวรรณศิลป์ในงานทั้งสองเรื่อง โดยการวิเคราะห์และเปรียบเทียบตามแนวทางวรรณคดีวิจารณ์ ผลการศึกษาพบว่าเนื้อ หาทางอารมณ์ด้านความน่ากลัวที่ปรากฏในไตรภูมิพระร่วงเป็นการสื่อประสบการณ์ร่วมที่ไม่จำกัดด้วยยุคสมัย ผ่านการสร้างองค์ประกอบที่เป็นเรื่องเล่า ได้แก่ ฉากตัวละคร และการตัดกันของชีวิตสัตว์ในอบายภูมิกับชีวิตของเทพยดาบนสวรรค์ ด้วยลักษณะที่ป็นร้อยแก้ว กวีนิพนธ์ มีการใช้โวหาร ประเภท ได้แก่ บรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร เทศนาโวหาร สาธกโวหารและอุปมาโวหารอย่างมีวัตถุประสงค์ และบรรลุผลการสื่อเนื้อหาทางอารมณ์ด้านความน่ากลัว พร้อมกับสื่อแนวคิดสำคัญทางพระพุทธศาสนา มีการเล่นคำ-เล่นเสียง การสร้างจินตภาพตามประสาทสัมผัสทั้งห้า อุปมาอุปไมย อติพจน์และบุคคลวัต เนือหาทางอารมณ์ด้านความน่ากลัวที่ปรากฏในโองการแช่งน้ำ เป็นการสื่อประสบการณ์ด้วยการให้ข้อมูลเชิงลบ คือการสาปแช่ง ผ่านการลำดับเนื้อ หา คำสาปแช่ง และการตัดกันของคำสาปแช่งกับคำอวยพร ด้านกลวิธีทางวรรณศิลป์ ในโองการแช่งน้ำ มีการใช้ฉันทลักษณ์ที่มีลักษณะเฉพาะบางประการสอดคล้องกับประเภทงานที่เป็นประกาศคำแช่งที่ใช้ในพิธีกรรมของรัฐ มีการเล่นสัมผัส การเล่นคำ-เล่นเสียง การสร้างจินตภาพที่เน้นการมองเห็น คือการเคลื่อนที่และเคลื่อนนไหว อุปมาอุปไมย อติพจน์และบุคคลวัต จากการเปรียบเทียบผลการศึกษาทั้งงสองเรื่อง พบว่า มีลักษณะร่วมกันคือการสื่อเนื้อหาทางอารมณ์ด้านความน่ากลัว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเครื่องมือส่งเสริมให้เกิดความเป็นปกติสุขของรัฐ การใช้ความเชื่อที่มีอยู่แล้วในสังคมเป็นฐานให้เกิดความกลัว การใช้ความตัดกันมานำเสนอเนื้อ หาหลักให้หนักแน่นขึ้น และความโดดเด่นในการสร้างจินตภาพที่มีพลังเร้าความจับใจ