Abstract:
การวิจัยเชิงคุณภาพนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพัฒนาการและกระบวนการเข้าสู่วาระของนโยบายการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวในประเทศไทย โดยใช้ตัวแบบหลายกระแสของคิงด็อน ผ่านการวิเคราะห์เอกสารนโยบายและสัมภาษณ์เชิงลึกแบบเฉพาะเจาะจง โดยใช้การวิเคราะห์เชิงอุปนัยและการวิเคราะห์แก่นสาระในการตีความข้อมูล ผลการศึกษาแบ่งพัฒนาการนโยบายออกเป็น 3 ช่วงสำคัญ ได้แก่ ช่วงแรก (พ.ศ. 2496–2541) เป็นระยะที่รัฐให้การดูแลในลักษณะสงเคราะห์ผ่านสถานสงเคราะห์ ช่วงที่สอง (พ.ศ. 2542–2558) เป็นระยะเปลี่ยนผ่านที่เริ่มลดการพึ่งพาสถานบริการ และส่งเสริมบทบาทครอบครัวและชุมชนภายใต้การสนับสนุนจากภาครัฐ และช่วงที่สาม (ตั้งแต่ พ.ศ. 2559 เป็นต้นมา) เป็นระยะของผสมผสานรูปแบบการให้บริการทั้งในสถาบันและครอบครัว ชุมชน ซึ่งเน้นการเชื่อมโยงบริการจากทุกภาคส่วนอย่างเป็นระบบ ทั้งในระดับครอบครัว ชุมชน และสถานบริการ โดยรูปแบบการให้บริการสามารถจำแนกได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ การดูแลในสถาบัน (Institutional Care) และการดูแลโดยครอบครัวหรือชุมชน (Community/Home Care) ซึ่งกำลังพัฒนาไปสู่ระบบการดูแลแบบผสมผสานที่ตอบสนองต่อความหลากหลายของความต้องการผู้สูงอายุ กระบวนการเข้าสู่วาระนโยบาย พบการบรรจบกันของสามกระแส คือ กระแสปัญหา ได้แก่ การเพิ่มจำนวนผู้สูงอายุ ปัญหาสุขภาพ ภาวะพึ่งพิง และข้อจำกัดของระบบบริการกระแสการเมือง ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและกลไกการกำหนดนโยบาย อารมณ์ของสังคม และโอกาสทางการเมือง และกระแสนโยบาย ได้แก่ การวางรากฐานทางกฎหมายและนโยบายด้านผู้สูงอายุ ข้อเสนอเชิงระบบจากเวทีสาธารณะและแผนยุทธศาสตร์ของรัฐ ซึ่งนำไปสู่การออกประกาศในปี พ.ศ. 2559 ที่กำหนดบทบาทให้ท้องถิ่นเป็นกลไกหลักในการดูแลระยาวสำหรับผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง ข้อค้นพบสะท้อนการเปลี่ยนผ่านจากแนวคิดแบบสงเคราะห์ไปสู่การพัฒนาระบบบริการที่ยึดหลักสิทธิและความเสมอภาค พร้อมเสนอให้รัฐวางโครงสร้างนโยบายที่เอื้อต่อการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง