Abstract:
ทำการศึกษาเปรียบเทียบความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ได้แก่ ความเค็ม ความเป็นกรด-ด่าง และความขุ่นของกุ้งขาว (Litopenaeus vannamei) และกุ้งกุลาดำ (Penaeus monodon) ระยะ postlarva และระยะ juvenile โดยใช้เทคนิคการทดสอบความเป็นพิษแบบเฉียบพลัน และการวัดอัตราการบริโภคออกซิเจนของกุ้ง พบว่า ค่า LC50 ของความเค็มของกุ้งขาว และกุ้งกุลาดำ ระยะ postlarva มีค่า 0.42 และ 1.22 ppt ที่ช่วงความเค็มต่ำ และมีค่า 30.23 และ 32.42 ppt ที่ช่วงความเค็มสูง ส่วนค่า LC50 ของความเค็มของกุ้งขาวและกุ้งกุลาดำ ระยะ juvenole มีค่า 0.0.02 และ 0.52 ppt ที่ช่วงความเค็มต่ำ และมีค่า 44.85 และ 43.08 ppt ที่ช่วงความเค็มสูง ค่า LC50 ของความเป็นกรด-ด่างของกุ้งขาว และกุ้งกุลาดำ ระยะ postlarva มีค่า 4.96 และ 4.56 ที่ช่วงความเป็นกรด-ด่างต่ำ และมีค่า 9.37 และ 8.71 ที่ช่วงความเป็นกรด-ด่างสูง ค่า LC50 ของความเป็นกรด-ด่างของกุ้งขาวและกุ้งกุลาดำ ระยะ juvenile มีค่า 5.11 และ 5.70 ที่ช่วงความเป็นกรด-ด่างต่ำ และมีค่า 8.76 และ 9.51 ที่ช่วงความเป็นกรด-ด่างสูง การเปลี่ยนแปลงความเค็มและความเป็นกรด-ด่าง มีผลทำให้อัตราการบริโภคออกซิเจนของกุ้งทั้งสองชนิดที่ระยะ postlarva สูงกว่ากุ้งทั้งสองชนิดในระยะ juvenile ที่ทุกความเค็มอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ในขณะที่กุ้งกุลาดำที่ระยะ juvenile มีอัตราการบริโภคออกซิเจนที่ต่ำกว่ากุ้งขาวที่ช่วงความเค็มสูงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ผลจากการศึกษาแสดงให้เห็นว่ากุ้งขาวและกุ้งกุลาดำความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงความเค็ม และความเป็นกรด-ด่างในช่วงที่กว้างมากและมีแนวโน้มที่จะเจริญเติบโตได้ดีในระบบนิเวศลุ่มแม่น้ำบางปะกงและชายฝั่งทะเลตะวันออกของประเทศไทย