Abstract:
การศึกษาครั้งนี้เป็นความพยายามสร้างสิ่งที่เป็นได้ทั้งงานศิลปะและงานวิจัยเพื่อเปีนหลักฐานในการพิสูจน์ว่าพื้นที่สาธารณะที่แท้จริงสามารถส่งเสริมให้คนแปลกหน้ามีโอกาสพบปะกับฉับมิตรและไว้วางใจกัน วัตถุประสงค์ของการศึกษา คือ เพื่อทำความเข้าใจลักษณะทางกายภาพของความเป็นสาธารณะแล้วพัฒนาแบบถอดรหัสความเป็นสารารณะในพื้นที่ เพื่อสำรวจและถอดรหัสพื้นที่สาธารณะเมือง เพื่อทำการทดลองภาคสนามโดยใช้เวลาเขียนภาพในพื้นที่สาธารณะเมืองและศึกษาการเปีดเผยตนโดยผู้เข้าร่วมการทดลองที่พบในแต่ละพื้นที่ เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างคู่ความเป็นสาธารณะกับจำนวนผู้เข้าร่วมการทคลองแต่ละขั้นและคู่เฉลี่ยความลึกของการเปิดเผยตนในพื้นที่แต่ละแห่ง และเพื่อฉายภาพความเป็นไปได้ที่งานวิจัยและงานศิลปะสามารถเป็นสิ่งเดียวกันได้ในบางโอกาสและยังพอมีความหวังที่มนุษย์จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข
ระเบียบวิธีที่ใช้เป็นแบบผสมระหว่างการวิเคราะห์เนื้อหาโดยตรงกับการพัฒนาแบบร่างกระบวนการวิจัยและกรทดลองภาคสนามโดยเขียนภาพและวาดภาพในพื้นที่ที่มีค่าความเป็นสาธารณะสูงสุดและต่ำสุด จากกรุงเทพฯ ไทเป และสิงคโปร์ เป็นเวลารวม 96 ชั่วโมง ข้อมูลจากการทดลองภาคสนามจะถูกวิเคราะห์ทั้งเชิงปริมาณ คุณภาพ และสร้างสรรค์ ผลการทดลองพบว่า มีความสัมพันธ์เชิงบวกระดับปานกลางระหว่างคู่ความเป็นสาธารณะและจำนวนผู้ที่ปรากฎเข้าร่วมการทดลองโดยหยุดดูยิ้มทัก และพูดคุยกับผู้วิจัย และเมื่อปรับค่าความเป็นสาธารณะ โดยคำนวณรวมความเข้าใจภาษาที่สื่อสารกับสภาพอากาศ และวันในสัปดาห์ พบว่า มีความสัมพันธ์เชิงบวกระดับปานกลางระหว่างคู่ความเป็นสารารณะที่ปรับแล้วกับจำนวนผู้ที่หยุดดู พูดคุย เป็นแบบ และยอมให้ข้อมูลติดต่อ และยังพบความสัมพันธ์เชิงบวกระดับสูงระหว่างค่ำความเป็นสาธารณะที่ปรับแล้วและจำนวนผู้เข้าร่วมการทดลองที่ยิ้มทักและเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังระหว่างเป็นแบบ ตลอดจบมีความสัมพันธ์เชิงบวกระดับปานกลางระหว่างค่ำความเป็นสาธารณะที่ปรับแล้วและค่าเฉลี่ยความลึกการเปิดเผยตนในแต่ละพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ไม่พบว่ามีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญระหว่างค่าความเป็นสาธารณะและความลึกของการเปิดเผยตน ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าพื้นที่สาธารณะดึงดูดผู้คนเข้าหากันได้จริง แต่การที่พื้นที่สาธารณะจะทำงานได้เต็มศักยภาพนั้นต้องอาศัยบริบทด้านสถานการณ์ที่เหมาะสมด้วย การศึกษานี้อาจเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจสำหรับหน่วยงานรัฐที่ดูแลเมืองหรือนักลงทุนในการสร้างสรรค์พื้นที่
สาธารณะ นอกจากนี้ยังอาจเป็นประโยชน์สำหรับนักวิจัยหรือศิลปินที่มุ่งพัฒนาโครงการที่อาจเป็นได้ทั้ง
งานศิลปะและงานวิจัยในเวลาเดียวกัน