กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้:
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/7807
ชื่อเรื่อง: | การเปรียบเทียบผลการตรวจสอบการทำหน้าที่ต่างกันของข้อสอบ NT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ด้วยวิธี Hglm วิธี Mimic และวิธี Bayesian |
ชื่อเรื่องอื่นๆ: | A comprison of the differentil item functioning for ntionl test item t the grde three level using hglm, mimic, nd byesin methods |
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: | ปิยะทิพย์ ประดุจพรม สุมาลี ถามั่งมี มหาวิทยาลัยบูรพา. วิทยาลัยวิทยาการวิจัยและวิทยาการปัญญา |
คำสำคัญ: | ข้อสอบ -- ความเที่ยง มหาวิทยาลัยบูรพา -- สาขาวิชาการวิจัยและสถิติทางวิทยาการปัญญา ข้อสอบ |
วันที่เผยแพร่: | 2561 |
สำนักพิมพ์: | วิทยาลัยวิทยาการวิจัยและวิทยาการปัญญา มหาวิทยาลัยบูรพา |
บทคัดย่อ: | การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์คุณภาพของข้อสอบ NT ทั้ง 3 ด้าน 2) ตรวจสอบการทำหน้าที่ต่างกันของข้อสอบ NT ด้วยวิธี HGLM วิธี MIMIC และวิธี BAYESIAN และ 3) เปรียบเทียบผลการตรวจสอบการทำหน้าที่ต่างกันของข้อสอบ NT ด้วยวิธี HGLM วิธี MIMIC และวิธี BAYESIAN ใช้ข้อมูลทุติยภูมิ ซึ่งเป็นผลการตอบข้อสอบ NT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2555 จำนวน 3 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านภาษา 2) ด้านคำนวณ และ 3) ด้านเหตุผล กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จังหวัดสระแก้ว จำนวน 2,000 คน ที่เข้าทดสอบ NT จากสำนักทดสอบทางการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ วิเคราะห์คุณภาพของข้อสอบโดยใช้ทฤษฎีการตอบสนองข้อสอบ แบบ 3 พารามิเตอร์ ด้วยโปรแกรม Xcalibre Version 4.2.2 ผลการวิจัยปรากฏว่า 1. ข้อสอบ NT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ทั้ง 3 ด้าน มีค่าเฉลี่ยของค่าอำนาจจำแนกของข้อสอบ (a) ทั้งฉบับอยู่ในระดับค่อนข้างดี สามารถจำแนกผู้สอบได้ดี มีค่าความยากของข้อสอบ (b) ทั้งฉบับอยู่ในระดับยาก และค่าโอกาสการเดาของข้อสอบ (c) ทั้งฉบับเฉลี่ยไม่เกิน .30 2. ผลการตรวจสอบการทำหน้าที่ต่างกันของข้อสอบ NT ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ทั้ง 3 ด้าน โดยด้านภาษา วิธี HGLM ตรวจพบ DIF มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 30 รองลงมา วิธี BAYESIAN คิดเป็นร้อยละ 23.33 และวิธี MIMIC คิดเป็นร้อยละ 3.33 ส่วนด้านคำนวณ วิธี MIMIC ตรวจพบ DIF มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 26.67 รองลงมา วิธี BAYESIAN คิดเป็นร้อยละ 20 และวิธี HGLM คิดเป็นร้อยละ 16.67 และด้านเหตุผล วิธี HGLM ตรวจพบ DIF มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 56.67 รองลงมาคือวิธี MIMIC และวิธี BAYESIAN ตรวจพบ DIF เท่ากัน คิดเป็นร้อยละ 36.67 3. ผลการเปรียบเทียบการทำหน้าที่ต่างกันของข้อสอบ NT ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ทั้ง 3 ด้านปรากฏว่า ด้านคำนวณ วิธี HGLM ตรวจพบ DIF น้อยกว่าวิธี MIMIC และวิธี BAYESIAN คิดเป็นร้อยละ 10และ 3.33 ตามลำดับ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ด้านภาษาและด้านเหตุผล วิธี HGLM ตรวจพบ DIF มากกว่าวิธี MIMIC และวิธี BAYESIAN คิดเป็นร้อยละ 26.67, 20, 6.67 และ 20 ตามลำดับ ส่วนวิธี MIMIC ตรวจพบ DIF น้อยกว่า วิธี BAYESIAN ในด้านภาษา คิดเป็นร้อยละ 20 วิธี MIMIC ตรวจพบ DIF มากกว่า วิธี BAYESIAN ในด้านคำนวณ คิดเป็นร้อยละ 6.67 และวิธี MIMIC ตรวจพบ DIF เท่ากับ วิธี BAYESIAN ในด้านเหตุผล คิดเป็นร้อยละ 36.67 |
รายละเอียด: | วิทยานิพนธ์ (วท.ม.)--มหาวิทยาลัยบูรพา, 2561 |
URI: | https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/7807 |
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล: | วิทยานิพนธ์ (Theses) |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม | รายละเอียด | ขนาด | รูปแบบ | |
---|---|---|---|---|
Fulltext.pdf | 5.77 MB | Adobe PDF | ดู/เปิด |
รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น