Abstract:
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ตัวแทนจำหน่ายที่แตกต่างกันตามลักษณะประชากรศาสตร์ส่งผลต่อความภักดีในเครื่องสำอางผลิตภัณฑ์แบรนด์เอสทูไฮของตัวแทนจำหน่ายชาวไทย ภายใต้สภาวะวิกฤตอุตสาหกรรมเครื่องสำอางประเทศไทย 2) การรับรู้คุณภาพผลิตภัณฑ์ ส่งผลต่อความภักดีในเครื่องสำอางผลิตภัณฑ์เอสทูไฮของตัวแทนจำหน่ายชาวไทย ภายใต้สภาวะวิกฤตอุตสาหกรรมเครื่องสำอางประเทศไทย 3) ความพึงพอใจ ส่งผลต่อความภักดีในเครื่องสำอางผลิตภัณฑ์แบรนด์เอสทูไฮของตัวแทนจำหน่ายชาวไทย ภายใต้สภาวะวิกฤต อุตสาหกรรมเครื่องสำอางประเทศไทย 4) การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ส่งผลต่อความภักดีในเครื่องสำอางผลิตภัณฑ์แบรนด์เอสทูไฮของตัวแทนจำหน่ายชาวไทย ภายใต้สภาวะวิกฤตอุตสาหกรรมเครื่องสำ อางประเทศไทยวิธีการวิจัยเป็นแบบผสมผสาน โดยกลุ่มตัวอย่างการวิจัยเชิงปริมาณ เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องสำอางผลิตภัณฑ์แบรนด์เอสทูไฮ จำนวน 200 คน กลุ่มตัวอย่าง การวิจัยเชิงคุณภาพ เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องสำอางผลิตภัณฑ์แบรนด์เอสทูไฮจำนวน 25 คน ใช้วิธีการสุ่มแบบอย่างง่ายและวิธีการสุ่มแบบเฉพาะเจาะจง เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสัมภาษณ์ โดยผลการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ทำให้เพิ่มความรู้ความเข้าใจในหลักการบริหารการวางแผนด้านการตลาด การรับรู้ในคุณภาพสินค้า และการนำกลยุทธ์การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) มาใช้ซึ่งถือว่า มีความสอดคล้องเหมาะสมกับไทยแลนด์ยุค 4.0 ผู้วิจัยหวังว่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่บุคคล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้ประกอบไทยสามารถนำไปเป็นแนวทางพัฒนาหรือนำไปปรับใช้ในธุรกิจเพื่อสอดคล้องต่อการแข่งขันในปัจจุบันได้