Abstract:
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้ความเข้าใจ และเสนอแนะช่องทางการสื่อสารที่มีผลต่อความรู้ความเข้าใจของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตจังหวัดชลบุรีเกี่ยวกับการนำทรัพย์สินมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ โดยได้ดำเนินงานวิจัยแบบผสม (Mix Method) ส่วนแรกเป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลผ่านแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตจังหวัดชลบุรี จำนวน 116 ราย ใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ และนำวิธีการหาค่าความเชื่อมั่นของคูเดอร์- ริชาร์ดสัน (Kuder-Richardson) มาประยุกต์ใช้เพื่อประเมินและวัดระดับความรู้ความเข้าใจในภาพรวม ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพทำการเก็บรวบรวมข้อมูลผ่านแบบสัมภาษณ์ ซึ่งทำการสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเขตจังหวัดชลบุรี จำนวน 3 คน แล้วจึงนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์โดยใช้รูปแบบการวิเคราะห์ข้อมูลการวิจัยแบบการศึกษาปรากฏการณ์ (Phenomenology) เพื่อสรุปเกี่ยวกับช่องทางการสื่อสารที่มีผลต่อความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการนำทรัพย์สินมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ ผลการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุ 36-45 ปี มีการศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี ผ่านการทำงานมามากกว่า 20 ปี ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจให้บริการมีประสบการณ์การทำงานขอเงินทุนเพียง 1-3 ครั้ง โดยผลการศึกษาทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพตรงกันว่า ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในการนำทรัพย์สินมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ ส่วนประเด็นเรื่องช่องทางการสื่อสารที่มีผลต่อความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการนำทรัพย์สินมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ พบว่าผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเคยได้รับข่าวสารเกี่ยวกับการนำทรัพย์สินมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ ผ่านสื่อบุคคลมากที่สุด และเห็นว่าสื่อบุคคลและสื่อเฉพาะกิจบางอย่างมีผลต่อความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการนำทรัพย์สินมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ