Abstract:
การเตรียมความพร้อมด้านสุขภาพของสามีก่อนภรรยาตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากจะช่วยลดผลลัพธ์ที่ไม่ดีต่อการตั้งครรภ์ของภรรยาและทารกในครรภ์ ได้แก่ ในประเทศไทยยังพบการปฏิบัติ พฤติกรรมดังกล่าวน้อย การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเตรียมความพร้อมก่อนภรรยาตั้งครรภ์และอิทธิพลของการได้รับข้อมูลการรับรู้ประโยชน์การรับรู้อุปสรรคเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมก่อนภรรยาตั้งครรภ์ต่อพฤติกรรมการเตรียมความพร้อมของสามีก่อนภรรยาตั้งครรภ์กลุ่มตัวอย่าง คือ สามีของสตรีตั้งครรภ์แรกที่ภรรยามารับบริการ ณ แผนกฝากครรภ์ โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล จำนวน 85 รายเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบสะดวกเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามวิเคราะห์ ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนาและสถิติถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัย พบว่า ส่วนใหญ่สามีมีพฤติกรรมการเตรียมความพร้อมก่อนภรรยาตั้งครรภ์ดี โดยพฤติกรรมที่มีการปฏิบัติมากที่สุด คือ งด/ลดใช้สารเสพติด (ร้อยละ 95.3) งด/ลดสูบบุหรี่ (ร้อยละ 88.2) งด/ลดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ (ร้อยละ 80) แต่พฤติกรรมที่สามีปฏิบัติเป็นส่วนน้อย คือ การฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี (ร้อยละ 34.1) การตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรมและโรคที่เกิดจากความผิดปกติของยีน (ร้อยละ 36.5) การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (ร้อยละ 47.1) การได้รับข้อมูลการรับรู้ประโยชน์และอุปสรรคเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมของสามีก่อนภรรยาตั้งครรภ์ สามารถร่วมกันทำนายพฤติกรรมการเตรียมความพร้อมของสามีก่อนภรรยาตั้งครรภ์ได้ ร้อยละ 19.9 (R 2 = .199, F3,8 1= 6.72, p< .01). การได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมของสามีก่อนภรรยาตั้งครรภ์เป็นปัจจัยเดียวที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเตรียมความพร้อมของสามีก่อนภรรยาตั้งครรภ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( = .29, p< .01). จากผลการวิจัยมีข้อเสนอแนะว่าพยาบาลและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขควรให้ความรู้ กระตุ้น และรณรงค์ให้สามีของสตรีตั้งครรภ์เห็นความสำคัญในการเข้ารับบริการเตรียมความพร้อมก่อนที่ภรรยาจะตั้งครรภ์โดยเฉพาะในเรื่องการเข้ารับบริการที่คลินิกการเตรียมความพร้อมก่อนที่ภรรยาจะตั้งครรภ์การเข้ารับบริการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี การตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรมและโรคที่เกิดจากความผิดปกติของยีน และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์