Abstract:
โรคธาลัสซีเมียเป็นโรคเรื้อรังทางกรรมพันธุ์ ซึ่งต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง เด็กอาจเผชิญกับปัญหาด้านสุขภาพต่าง ๆ อันส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของเด็กได้ การวิจัยครั้งนี้เป็นการวจิยัเชิงหาความสัมพันธ์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้อาการรบกวน การรับรู้ภาวะสุขภาพ และการสนับสนุนทางสังคมกับคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของเด็กที่ป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมียกลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็น -thalassemia major หรือ -thalassemia/ Hb E ที่มารับการรักษาที่คลินิกโรคเลือด แผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 90 ราย คัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง โดยการสุ่มอย่างง่ายเก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างเดือนเมษายน ถึง เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2561 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบประเมินการรับรู้ภาวะสุขภาพที่มีลักษณะเป็นมาตรวัดแบบตัวเลข แบบสอบถามการรับรู้อาการรบกวน แบบสอบถามการสนับสนุนทางสังคม และแบบสอบถามคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของเด็กที่เป็นโรคธาลัสซีเมีย มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ .74, .87 และ .90 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนาและวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์สเปียร์แมน ผลการวิจัยพบว่า การรับรู้ภาวะสุขภาพ มีความสัมพันธ์ทางบวกในระดับต่ำกับคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของเด็กที่ป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมียอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r s = .226, p = .032) และการสนับสนุนทางสังคมมีความสัมพันธ์ทางลบในระดับต่ำกับคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของเด็กที่ป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมียอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (rs= -.222, p= .035) ส่วนการรับรู้อาการรบกวนไม่มีความสัมพันธ์กับคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของเด็กที่ป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมีย จากผลการวิจัยมีข้อเสนอแนะว่า พยาบาลควรวางแผนออกแบบโปรแกรมที่เน้นการส่งเสริมการรับรู้ภาวะสุขภาพและการสนับสนุนทางสังคม เพื่อให้เด็กที่ป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมีย มีคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพที่ดีขึ้น