Abstract:
การวิจัยครั้งนี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยและพัฒนา มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาสมรรถนะการวิจัยของครูโรงเรียนเอกชนโดยกระบวนการวิจัยก่อรูป แบ่งการวิจัยเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การประเมินความต้องการจำเป็นสมรรถนะการวิจัยของครูโรงเรียนเอกชนเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูโรงเรียนเอกชนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 370 คน สำหรับตอบแบบสอบถาม และผู้ดูแลการพัฒนาสมรรถนะการวิจัยของครูและครูที่ทำวิจัย จำนวน 8 คน สำหรับการสัมภาษณ์เชิงลึก การเก็บรวบรวมข้อมูลใช้แบบสอบถามและการสัมภาษณ์ วิเคราะห์ประเมินความต้องการจำเป็นโดยใช้วิธี Priority need index (PNI) ร่วมกับการวิเคราะห์เนื้อหา ขั้นตอนที่ 2 และ 3 เป็นการพัฒนาสมรรถนะการวิจัยของครูในโรงเรียน เป้าหมาย ได้แก่ ครูระดับปฐมวัย จำนวน 35 คน ดำเนินการวิจัยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างนักวิจัยกับครู การเก็บรวบรวมข้อมูลใช้การทดสอบ การประเมินตนเอง การประเมินผลงานครู และการสังเกตพฤติกรรมของครูจากการทำวิจัยปฏิบัติการ ในชั้นเรียน มีการตรวจสอบความสอดคล้องของข้อมูลที่ได้จากการประเมินหลายวิธีด้วยการคำนวณสัมประสิทธิ์ความสอดคล้องของเคนดอลล์ (W) และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อันดับที่ของสเพียร์แมน (ρ) การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ความถี่และร้อยละ นำเสนอด้วยการวิเคราะห์เนื้อหาร่วมกับการบรรยายพัฒนาการของครู ผลการวิจัย พบว่า ครูมีความต้องการจำเป็นสมรรถนะการวิจัยด้านความรู้ความเข้าใจการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ ด้านทักษะการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนและด้านเจตคติที่ดีต่อการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน ตามลำดับ ผลการใช้การวิจัยก่อรูปช่วยพัฒนาสมรรถนะการวิจัยของครูปฐมวัยได้ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ด้านความรู้ความเข้าใจในการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเพื่อพัฒนา การเรียนรู้ของผู้เรียนและด้านเจตคติที่ดีต่อการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน มีครูผ่านเกณฑ์ จำนวน 31 คน คิดเป็น 88.57% ด้านทักษะการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนเพื่อพัฒนา การเรียนรู้ของผู้เรียน มีครูผ่านเกณฑ์ จำนวน 29 คน คิดเป็น 82.86% ผลงานวิจัยของครู การประเมินตนเอง และการสังเกตสะท้อนสมรรถนะการวิจัยของครูได้ตรงกันทุกด้าน