Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบบทบาทผู้บริหารในการพัฒนา การทำงานเป็นทีมของครู โรงเรียนศูนย์ภัทรบูรพา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตราด จำแนกตามเพศวุฒิการศึกษาสูงสุด และขนาดโรงเรียน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูในโรงเรียน กลุ่มศูนย์ภัทรบูรพา จำนวน 108 คน โดยใช้เกณฑ์กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างของ เครจซี่และมอร์แกน (Krejcie & Morgan, 1970, pp. 607-608) ได้กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษารวมทั้งสิ้น 108 คน ใช้วิธี การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น และสุ่มตัวอย่างแบบง่าย แบบสอบถามบทบาทผู้บริหารในการพัฒนา การทำงานเป็นทีมของครู มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง .25-.85 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .96 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) การทดสอบที (t-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) และเปรียบเทียบความแตกต่างรายคู่ โดยวิธีการของเชฟเฟ่ (Scheffe’s) ผลการวิจัยพบว่า 1. บทบาทผู้บริหารในการพัฒนาการทำงานเป็นทีมของครู โรงเรียนกลุ่มศูนย์ภัทรบูรพา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตราด โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก 2. เปรียบเทียบบทบาทผู้บริหารในการพัฒนาการทำงานเป็นทีมของครู โรงเรียน ศูนย์ภัทรบูรพา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตราด จำแนกตามเพศ โดยรวมและรายด้าน แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ยกเว้น ด้านการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกัน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3. เปรียบเทียบบทบาทผู้บริหารในการพัฒนาการทำงานเป็นทีมของครู โรงเรียน ศูนย์ภัทรบูรพา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตราด จำแนกวุฒิการศึกษา โดยรวมและรายด้าน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ยกเว้น ด้านการสื่อสารระหว่างกัน แบบเปิดเผย และด้านการปรึกษาหารือกัน แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ 4. เปรียบเทียบบทบาทผู้บริหารในการพัฒนาการทำงานเป็นทีมของครู โรงเรียน ศูนย์ภัทรบูรพา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตราด จำแนกตามขนาดโรงเรียน โดยรวมและรายด้าน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05