Abstract:
การวิจัยการสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมเพื่อการบำบัดเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผลงานประติมากรรมในการพัฒนาการทรงตัว พัฒนาความสัมพันธ์
ระหว่างตากับมือ โดยใช้กระบวนการวิจัยผสมผสานวิธี (Mixed Methods Research) แบบ The
Exploratory Sequential Design โดยใช้แผนวิจัยแบบบูรณาการ เป็นวิธีการวิจัยเชิงสร้างสรรค์
ทัศนศิลป์ (Practice led Research) และการวิจัยเชิงปริมาณผู้วิจัยควบคู่กันไป ผู้วิจัยในฐานะเป็น
ประติมากรมีความสนใจที่จะศึกษาพัฒนาผลงานประติมากรรม โดยอาศัยหลักการทฤษฎีจาก
กระบวนการด้านกิจกรรมบำบัด (Occupational Therapy) ศิลปะแบบไคเนติก (Kinetic Art) นำมา
บูรณาการให้ได้ผลงานประติมากรรมที่สามารถเป็นทางเลือกในการบำบัดเด็กที่มีความต้องการ
พิเศษ ผู้วิจัยดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 การศึกษาและการค้นคว้า ระยะที่ 2
การสร้างและหาคุณภาพเครื่องมือ พบว่า ผลงานประติมากรรมเพื่อการบำบัดเด็กที่มีความต้องการ
พิเศษที่ผ่านการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านเด็กที่มีความต้องการพิเศษ และทางทัศนศิลป์ พบว่า
การบำบัดสอดคล้องในการพัฒนาระบบทรงตัว การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างตากับมือ และด้าน
ความงามสามารถแสดงถึงความเป็นเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น หลักการจัดองค์ประกอบศิลป์ มีการพัฒนา
จากผลงานเดิมได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการใช้รูปร่าง รูปทรง เส้น พื้นผิว มวล ปริมาตร พื้นที่ว่าง
รวมไปถึง การจัดองค์ประกอบมีความกลมกลืน สมดุล และมีความเป็นเอกภาพกับพื้นที่ได้อย่าง
เหมาะสม ระยะที่ 3 การทดลองทดสอบผลการใช้ประติมากรรมเพื่อการบำบัดเด็กที่มีความต้องการ
พิเศษ ผลงานที่พัฒนาขึ้นมาเป็นลักษณะผลงานประติมากรรมที่ประกอบด้วยเครื่องมือที่เป็น
กิจกรรมการปฏิบัติที่สอดคล้องช่วยส่งเสริมในการบำบัดเด็กที่มีความต้องการพิเศษ โดยผู้เชี่ยวชาญ
และจากการทดสอบทางด้านกายภาพ ระยะเวลาทำการทดลอง 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 5 วัน การ
ประเมินวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้แบบค่ามัธยฐาน พิสัยควอไทล์ The Sign Test for Median: One
Sample แบบสมมุติฐานนอนพาราเมติก The Wilcoxon Matched Pairs Signed-Ranks Test
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลงานประติมากรรมเพื่อการบำบัดเด็กที่มีความต้องการพิเศษ มีการบูรณาการพัฒนา
เครื่องมือที่ใช้ในการบำบัดและความงาม อยู่ในระดับดีมาก
2. ความสามารถในการพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ มัดเล็ก และการกระตุ้นระบบประสาท
สัมผัสทางกาย มีประสิทธิผล ดังนี้
2.1 เด็กที่มีความต้องการพิเศษมีความสามารถในการทรงตัวสูงขึ้น หลังจากใช้
ประติมากรรมเพื่อการบำบัดเด็กที่มีความต้องการพิเศษ สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2.2 เด็กที่มีความต้องการพิเศษสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างตากับมือ สูงขึ้น
หลังจากใช้ประติมากรรมเพื่อการบำบัดเด็กที่มีความต้องการพิเศษ สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่
ระดับ .05