Abstract:
รูปแบบการคิดสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของนักศึกษาครู: ศึกษาเปรียบเทียบระหว่างคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาและพัฒนารูปแบบการคิด โดยมีขั้นตอนการวิจัยและผลการวิจัยดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 เพื่อศึกษารูปแบบการคิดสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของนักศึกษาครู ศึกษาเปรียบเทียบระหว่างคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาวิจัย คือ นิสิตครู คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา จำนวน 200 คน และนักศึกษาครู มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว จำนวน 200 คน ที่ใช้ในการศึกษาองค์ประกอบของรูปแบบการคิด ผลการศึกษาวิจัยสรุปได้ดังนี้
1) การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันของรูปแบบการคิดสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของนักศึกษาครู (ด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปลิสเรล) พบว่า โมเดลการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันของรูปแบบการคิดสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของสมาชิกครอบครัว ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบ ได้แก่ มิติด้านหน้าที่ มิติด้านรูปแบบ มิติด้านระดับ มิติด้านขอบเขต มิติด้านการโน้มเอียง มีค่าสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ มีน้ำหนักองค์ประกอบมาตรฐานอยู่ในเกณฑ์สูงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 สามารถวัดองค์ประกอบของรูปแบบการคิดได้
2) เมื่อแยกวิเคราะห์ในกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนิสิตครู คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และนักศึกษาครู มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว พบว่า รูปแบบการคิดสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของนิสิตครูมหาวิทยาลัยบูรพา และ นักศึกษาครู มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว มีองค์ประกอบร่วมกัน 5 องค์ประกอบ ได้แก่ มิติด้านหน้าที่ มิติด้านรูปแบบ มิติด้านระดับ มิติด้านขอบเขต มิติด้านการโน้มเอียง มีค่าสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ มีน้ำหนักองค์ประกอบมาตรฐานอยู่ในเกณฑ์สูงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และสามารถวัดองค์ประกอบของรูปแบบการคิดได้
ขั้นตอนที่ 2 เพื่อพัฒนาหลักสูตรเสริมสร้างรูปแบบการคิดสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของนิสิตครู
คณะวิจัยได้พัฒนาหลักสูตรเสริมสร้างรูปแบบการคิดสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของนิสิตครูโดยใช้กรอบแนวคิดด้านการพัฒนาทักษะกระบวนการคิด หลักการทางจิตวิทยา หลักการด้านการเรียนรู้ หลักการด้านการพัฒนาหลักสูตรและการสอน บูรณาการเพื่อสร้างเป็นหลักสูตรฯ ที่มีองค์ประกอบของการพัฒนารูปแบบการคิดใน 5 มิติ ได้แก่ มิติหน้าที่ มิติรูปแบบ มิติระดับ มิติขอบเขต มิติโน้มเอียง หลักสูตรสามารถในการอบรมเพื่อพัฒนารูปแบบการคิด ใช้ระยะเวลาในการอบรม 6 ชั่วโมง ที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ
3. เพื่อศึกษาผลของการทดลองใช้หลักสูตรเสริมสร้างรูปแบบการคิดสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 กลุ่มตัวอย่างเป็นนิสิตครู คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ที่มีคะแนนรูปแบบการคิด ต่ำกว่าเปอร์เซ็นไทล์ที่ 25 จำนวน 40 คน
ผลการทดลองใช้หลักสูตรเสริมสร้างรูปแบบการคิดสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีคะแนนเฉลี่ย รูปแบบการคิดสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในภาพรวม สุงกว่าที่ก่อนการเข้ารับการฝึกอบรม (X = 5.12 > X = 4.81) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (t = 4.907, P = .000) เมื่อพิจารณาแยกเป็นรายองค์ประกอบพบว่า
องค์ประกอบมิติด้านหน้าที่ พบว่า กลุ่มตัวอย่าง หลังจากที่ได้รับการเข้าร่วมหลักสูตรเสริมสร้างรูปแบบการคิดสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 แล้วกลุ่มตัวอย่าง มีคะแนนเฉลี่ย สูงกว่าก่อนการเข้ารับการฝึกอบรม (X=5.16> X =4.71) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05( t=4.577, P =.000)
องค์ประกอบมิติด้านรูปแบบ พบว่า กลุ่มตัวอย่าง หลังจากที่ได้รับการเข้าร่วมหลักสูตรเสริมสร้างรูปแบบการคิดสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 แล้วกลุ่มตัวอย่างมีคะแนนเฉลี่ย สูงกว่าก่อนการเข้ารับการฝึกอบรม (X = 5.09 > X = 4.67) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ( t = 3.515, P = .001)
องค์ประกอบมิติด้านระดับ พบว่า กลุ่มตัวอย่าง หลังจากที่ได้รับการเข้าร่วมหลักสูตรเสริมสร้างรูปแบบการคิดสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 แล้วกลุ่มตัวอย่างมีคะแนนเฉลี่ย สูงกว่าก่อนการเข้ารับการฝึกอบรม (X = 5.16 > X = 4.95) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (t = 2.159, P = 0.37)
องค์ประกอบมิติด้านขอบเขต พบว่า กลุ่มตัวอย่าง หลังจากที่ได้รับการเข้าร่วมหลักสูตรเสริมสร้างรูปแบบการคิดสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 แล้วกลุ่มตัวอย่างมีคะแนนเฉลี่ย สูงกว่าก่อนการเข้ารับการฝึกอบรม (X = 5.28> X = 5.05) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ( t = 2.724, P =.010)
องค์ประกอบมิติด้านการโน้มเอียง พบว่า กลุ่มตัวอย่าง หลังจากที่ได้รับการเข้าร่วมหลักสูตรเสริมสร้างรูปแบบการคิดสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 แล้วกลุ่มตัวอย่างมีคะแนนเฉลี่ย สูงกว่าก่อนการเข้ารับการฝึกอบรม (X = 4.92 < X = 4.65) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (t = 2.980, P = .005)