Abstract:
ในการศึกษาครั้งนี้ได้ทำการศึกษาเรื่อง สารต้านจุลชีพชนิดใหม่จากแบคทีเรียโพรไบโอติก เพื่อใช้ในการควบคุมมาตรฐานทางแบคทีเรียในผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแห้งและแปรรูปในจังหวัดชลบุรี โดยทำการศึกษา 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 คือการศึกษาถึงความสามารถของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่ผลิตได้จากแบคทีเรียโพรไบโอติก Bacillus spp. ทั้งสายพันธุ์ (Bacillus subtilis, B. polymyxa, B. thuringiensis, B. megaterium และ B. licheniformis) ในรูปของส่วนใสเข้มข้นและสารกึ่งบริสุทธิ์ในการลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียที่ปนเปื้อนในตัวอย่างหมึกแห้งและแบคทีเรียก่อโรคได้ โดยพบว่าสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากแบคทีเรียโพรไบโอติก B. licheniformis ในรูปของสารกึ่งบริสุทธิ์ (PBL) มีประสิทธิภาพในการลดแบคทีเรียก่อโรค 4 ชนิด (Salmonella typhimurium, Escherichia coli, Bacillus cereus และ Staphylococcus sureus) ได้ดีที่สุด และดีกว่าไนซินและกรดแลคติก และทำการศึกษาต่อเนื่องถึงการศึกษาผลของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากแบคทีเรียโพรไบโอติกต่อแบคทีเรียกลุ่มเฮทเทอโรโทรปทั้งหมดในผลิตภัณฑ์หมึกแปรรูปและลักษณะทางเคมีและกายภาพ โดยเติมสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพลงบนตัวอย่างหมึกแปรรูปในขั้นตอนหลังเสร็จสิ้นกระบวนการผลิต ผลการศึกษาพบว่าในชุดการทดลองที่เติมสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ PBL, ไนซินและกรดแลคติก พบปริมาณแบคทีเรียกลุ่มเฮทเทอโรโทรปทั้งหมดค่อนข้างคงที่ตลอดการเก็บรัก๋่ 28 วัน ในขณะที่ชุดควบคุมพบว่าปริมาณแบคทีเรียกลุ่มเฮทเทอโรโทรปทั้งหมดมีแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลาในการเก็บรักษา ส่วนลักษณะทางเคมีและกายภาพของตัวอย่างผลิตภัณฑ์หมึกแปรรูปทุกชุดการทดลองมีค่าที่ใกล้เคียงกัน และขั้นตอนสุดท้ายคือการศึกษาถึงคุณสมบัติของแบคทีเรียโพรไบโอติกทั้ง 5 สายพันธุ์ คือการศึกษาการดื้อยาปฏิชีวนะทั้ง 5 ชนิด (Ampicilln, Chloramphenicol, Gentamicin, Imipenem และ Tetracycline) ของแบคทีเรียโพรไบโอติก ทั้ง 5 สายพันธุ์ ผลการศึกษาพบว่า แบคทีเรียทั้งหมดไม่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะทั้ง 5 ชนิดที่กล่าวมา และดำเนินการศึกษาถึงฤทธิ์ทางเมแทบอลิกโดยทดสอบความสามารถในกิจกรรมของเอนไซม์ไฮโดรเลสในการย่อยเกลือน้ำดีของแบคทีเรียโพรไบโอติกทั้ง 5 สายพันธุ์ พบว่าแบคทีเรียโพรไบโอติกทั้ง 5 สายพันธุ์ แสดงกิจกรรมของเอนไซม์ไฮโดรเลสในการย่อยเกลือน้ำดีในระดับที่ไม่มีกิจกรรมจนถึงมีการแสดงกิจกรรมในระดับต่ำ ส่วนการวิเคราะห์ฤทธิ์ทางฮีโมไลติกของแบคทีเรียโพรไบโอติกทั้ง 5 สายพันธุ์ พบว่าผลการศึกษาไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับเลือดที่นำมาใช้ในการทดสอบ