Abstract:
การศึกษาเรื่อง ธรรมชาติของมนุษย์ในปรัชญาของโทมัส ฮอบส์ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวคิดธรรมชาติมนุษย์ในทัศนะของโทมัส ฮอบส์ และเพื่อเปรียบแนวคิดธรรมชาติมนุษย์ในทัศนะของโทมัส ฮอบส์กับนักปรัชญาและศาสนาที่สาคัญ โดยได้รวบรวมข้อมูลจากงานเขียนของโทมัส ฮอบส์ พร้อมทั้งเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องแล้วนามาสังเคราะห์และและเปรียบเทียบเพื่อเห็นความเหมือนและความแตกต่าง
ผลการศึกษา พบว่าธรรมชาติมนุษย์ ในทัศนะของฮอบส์ เต็มไปด้วยเห็นแก่ตัว มีความทะเยอทะยานและความกลัว ต้องคอยดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอด มนุษย์จึงหวาดระแวง ไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ทุกคนต่างปกป้องและรักษาชีวิตตนเองเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งทาร้าย มนุษย์จึงมีสิทธิตามธรรมชาติในอันที่จะรักษาตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัยจากการคุกคามหรือการทาร้ายจากผู้อื่น แต่จาเป็นต้องมอบสิทธิของตนเองให้แก่รัฐหรือจักรภพซึ่งเป็นสิ่งที่มีอานาจสูง สามารถให้ความคุ้มครองและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินได้
ส่วนประเด็นการเปรียบเทียบแนวคิดของฮอบส์กับนักปรัชญาและศาสนาที่สาคัญ พบว่า แนวคิดของฮอบส์มีบางประเด็นที่มีความเหมือนกับนักปรัชญาเหล่านั้น เช่น เหมือนกับแนวคิดเพลโตที่มองว่ามนุษย์มีลักษณะส่วนหนึ่งที่เป็นภาคตัณหาหรือความต้องการ ความปรารถนา เหมือนเหมือนแนวคิดนิทเช่ที่เห็นว่ามนุษย์บางคนดาเนินชีวิตด้วยสัญชาตญาณมากกว่าการรู้จักตนเอง แต่มี บางประเด็นที่แตกต่าง โดยเฉพาะกับแนวคิดของล็อกและรุสโซ ที่เห็นว่าธรรมชาติดั้งเดิมของมนุษย์นั้นเรียบ ไม่เห็นแก่ตัว ส่วนการเปรียบเทียบกับศาสนาที่สาคัญ พบว่ามีบางประเด็นที่มีความเหมือนเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะกับพุทธศาสนา แนวคิดของฮอบส์จะเหมือนกันในการมองว่ามนุษย์เป็นสัตว์ที่มีความอยาก ความปรารถนา มีความกลัวเป็นพื้นฐาน แต่ในขณะเดียวกันก็มีความแตกต่างด้วย เพราะในขณะที่พุทธศาสนาเห็นว่าความเห็นแก่ตัว เป็นสิ่งที่สามารถกาจัดหรือควบคุมได้ด้วยตนเอง แต่ฮอบส์มองว่าจะทาเช่นนั้นได้ต้องอาศัยอานาจสูงสุดภายนอก ส่วนกับศาสนาคริสต์ อิสลาม และพราหมณ์-ฮินดู ซึ่งเป็นศาสนาที่เชื่อพระเจ้าหรือพระผู้สร้าง แนวคิดของฮอบส์มีความแตกต่างตรงที่การไม่เชื่อว่ามีอานาจสูงสุดที่เรียกว่าพระเจ้า การจะควบคุมธรรมชาติดั้งเดิมของมนุษย์ได้นั้นต้องอาศัยพันธสัญญาระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองในรูปแบบของรัฐ ไม่ใช่มุ่งแสวงหาอานาจที่อยู่เหนือโลกวิสัย ซึ่งไม่สามารถพิสูจน์เชิงประจักษ์ได้