Abstract:
วัตถุประสงค์การวิจัย: เพื่อศึกษาผลของการฝึกแบบหนักสลับเบาความเข้มข้นสูงที่มีต่อสมรรถภาพเชิงแอนแอโรบิก ความเร็ว ความคล่องแคล่วว่องไว และ ความสามารถสูงสุดในการนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายในนักกีฬาฟุตบอล และ เพื่อเปรียบเทียบผลของการฝึกแบบหนักสลับเบาความเข้มข้นสูง 3 รูปแบบที่มีต่อ สมรรถภาพเชิงแอนแอโรบิก ความเร็วความคล่องแคล่วว่องไว และ ความสามารถสูงสุดในการนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายในนักกีฬาฟุตบอล
วิธีการวิจัย: นักกีฬาฟุตบอลระดับมหาวิทยาลัยจำนวน 31 คน (อายุเฉลี่ย: 20.35 ? 0.98 ปี, ส่วนสูงเฉลี่ย: 175.06 ? 6.49 ซม., น้ำหนักเฉลี่ย: 67.77 ? 10.09 กก.) แบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ฝึกแบบหนักสลับเบาความเข้มข้นสูงด้วยการวิ่งสปรินท์ 20 เมตร 20 เซต เวลาพักระหว่างเซต 15 วินาที กลุ่มที่ 2 ฝึกแบบหนักสลับเบาความเข้มข้นสูงด้วยการวิ่งสปรินท์ 40 เมตร 10 เซต เวลาพักระหว่างเซต 30 วินาที และ กลุ่มที่ 3 ฝึกแบบหนักสลับเบาความเข้มข้นสูงด้วยการวิ่งสปรินท์ 60 เมตร 5 เซต เวลาพักระหว่างเซต 60 วินาทีทำการฝึกสัปดาห์ละ 2 วัน เป็นเวลา 6 สัปดาห์ ตัวแปรที่ศึกษา สมรรถภาพเชิงแอนแอโรบิก ประกอบด้วย พลังแอนแอโรบิก ความสามารถในการยืนระยะเชิงแอนแอโรบิก และ กำลังของกล้ามเนื้อต้นขา ความคล่องแคล่วว่องไว และ ความสามารถสุงสุดในการนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย ก่อนและหลังการฝึก
ผลการวิจัย: ในกลุ่มที่ 1 พลังแอนแอโรบิก ความสามารถในการยืนระยะเชิงแอนแอโรบิก กำลังของกล้ามเนื้อต้นขาข้างไม่ถนัด และ ความเร็วในระยะ 30 เมตร ภายหลังการฝึกแตกต่างจากก่อนการฝึกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) กลุ่มที่ 2 พลังแอนแอโรบิก ความสามารถในการยืนระยะเชิงแอนแอโรบิก ความเร็วในระยะ 10, 20 และ 30 เมตร และ ความสามารถสูงสุดในการนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย ภายหลังการฝึกแตกต่างจากก่อนการฝึกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) และ กลุ่มที่ 3 กำลังของกล้ามเนื้อต้นขาข้างไม่ถนัด ความเร็วในระยะ 20 และ 30 เมตร และ ความสามารถสูงสุดในการนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย ภายหลังการฝึกแตกต่างจากก่อนการฝึกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) และไม่พบความแตกต่างเมื่อทำการวิเคราะห์ความแปรปรวนระหว่างทั้ง 3 กลุ่ม
สรุป: จากข้อมูลที่ปรากฏทำให้สรุปได้ว่า การฝึกแบบหนักสลับเบาความเข้มข้นสูงทั้ง 3 รูปแบบ สามารถพัฒนาสมรรถภาพเชิงแอนแอโรบิก ความเร็ว และ ความสามารถสูงสุดในการนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายสำหรับนักกีฬาฟุตบอลได้