Abstract:
ขลู่เป็นพืชในวงศ์ 3 Compositae หรือ Asteraceae มีสรรพคุณทางยาซึ่งใช้ กันมาแต่ โบราณในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต ้รวมทั้งในประเทศไทย
ด้วย ใบขลู่ ถูกใช้บรรเทาอาการทางระบบประสาทและรักษาการอักเสบ ส่ วนเปลือกสามารถรักษาโรคริดสีดวงทวาร นอกจากนี้ ใบของขลู่ ยังสามารถนำมา
เตรียมเป็นชาสำหรับดื่มเพื่อบำรุงสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ฤทธิ์ทางชีวภาพในรูปของชายังไม่ มีการศึกษามากนัก การวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์ 3 เพื่อที่จะศึกษา
ผลของการเก็บที่อุณหภูมิห ้องในที่มืดของชาขลู่ ต่อปริมาณฟีนอลรวมปริมาณฟลาโวนอยด์รวม การเกิดลิพิดเปอร์ 3 ออกซิเดชันโดยดูจากค่าเปอร์ 3
ออกไซด์ 3 ค่าคอนจูเกตไดอีน ค่า TBARS อีกทั้งยังทำการทดสอบฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ 3 และฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์ 3 ของชาขลู่ ด้วยวิธีเอมส 3
ต่ออะมิโนไพรีน-ไนไตรท 3 ในแบคทีเรีย Samonella typhimurium สายพันธุ์ 3 TA 98 และ TA100 ผลการทดลองแสดงให้ เห็นว่า ปริมาณฟีนอลรวมของ
ชาขลู่ หลังจากเก็บไว้ นาน 3 เดือน เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเป็น 992.251±0.005 มิลลิกรัมสมมูลของกรดแกลลิก/ กรัมของส วนสกัด และปริมาณฟลาโวนอยด์
3 รวมก็เพิ่มขึ้นเช่ นกัน (482.76±0.001 มิลลิกรัมสมมูลของเควอร 3 เซติน/ กรัมของส วนสกัด) ค่าเปอร์ 3 ออกไซด์ 3 (PV) ณ ตอนเริ่มทำการ
ทดลองเพิ่มขึ้นเป็น 91.11% และ 98.52% หลังจากบ่ม 48 ชั่วโมง แต่หลังจากเก็บไว ้นาน 3 เดือน ค่า PV กลับลดลงอย่างเห็นได้ ชัดเหลือ 83.22%
ที่ความเข้มข้นสูงสุดของสารสกัดใบชาขลู่ที่ใช ้ในการทดลอง ยิ่งไปกว่านั้น
ค่าคอนจูเกตไดอีน (CD) และ TBARS ถูทำให้ ลดลงอย่างมากเมื่อมีสารสกัดจากใบชาขลู่ โดยความสามารถนี้เพิ่มขึ้นตามปริมาณของสารสกัด ค่า CD ระหว่างการเก็บเป็นเวลา 3 เดือน ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจาก 60.31% เหลือเพียง 25.78% เมื่อบ่มทำปฏิกิริยาเป็นเวลา 72 ชั่วโมง ค่า IC50 ของสารสกัดต่ อค่า TBARS ระหว่างการเก็บเป็นเวลา 3 เดือนเพิ่มขึ้นจาก 0.487±0.001 เป็น 0.497±0.000 มิลลิกรัม/ มิลลิลิตร สำหรับการทดสอบฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ 3 ด ้วยวิธีเอมส 3 จากการศึกษาแสดงให้ เห็นว่าชาขลู่ ไม่ก่อให้ เกิดการกลายพันธุ์ 3 ในระบบที่ใช้ในการทดลอง นอกจากนี้ชาขลู่ ที่ความเข้ มข้น 0.625 มิลลิกรัมต่อเพลทยังแสดงฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ 3 สูงสุด (ยับยั้งได้ 62.5% ในสายพันธุ์ 3 TA 98 และ 55.2% ในสายพันธุ์ 3 TA 100 ด้ วยวิธีทดสอบเอมส์