Abstract:
การกำหนดแนวทางการจัดการวัสดุคงคลังที่เหมาะสมจะช่วยให้สามารถจัดเตรียมวัสดุในปริมาณที่สอดคล้องกับความต้องการใช้งานด้วยต้นทุนที่ประหยัดในทางปฏิบัติการกำหนดแนวทางการจัดการวัสดุคงคลังอาจยังขาดการนำปัจจัยที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาอย่างรอบด้านซึ่งจะส่งผลให้ผลลัพธ์คลาดเคลื่อนจากที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญได้งานวิจัยนี้นำเสนอการศึกษาผลลัพธ์คาดหมายด้านต้นทุนรวมและระดับบริการของการจัดการวัสดุคงคลังประเภทวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้ในกระบวนการผลิตของสุขภัณฑ์ในห้องน้ำของโรงงานกรณีศึกษาด้วยตัวแบบ Q-r ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่ทราบความต้องการ และความไม่ต้องการมีค่าไม่คงที่แบ่งกลุ่มและเลือกรายการวัสดุคงคลังมาศึกษาจากผลการวิเคราะห์ด้วย ABC Inventory Matrix วิเคราะห์บ่งชี้พฤติกรรมความต้องการของวัสดุที่เลือกแต่ละรายการด้วยการทดสอบการแจกแจงความน่าจะเป็นแบบไคสแควร์กำหนดปริมาณการสั่งซื้อและจัดสั่งซื้อใหม่และจำลองสถานการณ์มอนติคาร์โลบนเอ็กเซล สเปรดชีต ผลการศึกษาพบว่าถ้ามีการประยุกต์การจัดการตามแนวทางที่ได้จากตัวแบบ Q-r กับวัสดุคงคลังโดยใช้ความต้องการจริงย้อนหลัง 1 ปี จะส่งผลให้สามารถลดต้นทุนการจัดการวัสดุคงคลังจาก 728,033.57 บาท ลงเหลือ 461,968.10 บาท หรือลดลงได้ 266,065.47 บาท คิดเป็นร้อยละ 36.28 มีระดับบริการเฉลี่ยร้อยละ 96.52 ซึ่งเป็นระดับบริการที่ยอมรับได้เมื่อเปรียบเทียบกับแนวทางการจัดการแบบเดิม และเมื่อทำการจำลองสถานการณ์เพื่อประเมินผลลัพธ์ คาดหมาย 1 ปีข้างหน้า ด้วยพฤติกรรมความต้องแบบเดียวกัน คาดว่าจะมีต้นทุนการจัดการเฉลี่ย 497,909.98 บาท และระดับบริการร้อยละ 96.28 ซึ่งคาดว่าจะดีกว่าการใช้แนวทางการจัดการแบบเดิม จึงนำเสนอผู้บริหารของโรงงานกรณีศึกษาเพื่อนำแนวทางการจัดการที่ได้จากตัวแบบ Q-r ไปประยุกต์ในการจัดการวัสดุคงคลังจริงต่อไป