กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/17515
ชื่อเรื่อง: แรงจูงใจในการเลือกเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการบริการสังคม ภาควิชาสังคมวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
ชื่อเรื่องอื่นๆ: Motivation to study in social service management program (Bachelor of arts), Department of Sociology, Faculty of Humanities and Social Sciences, Burapha University
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: จุฑาทิพย์ คำเจริญกูล
คำสำคัญ: การจูงใจในการศึกษา
นักศึกษา -- การศึกษาต่อ
การศึกษาขั้นอุดมศึกษา
วันที่เผยแพร่: 2567
สำนักพิมพ์: คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
บทคัดย่อ: วัตถุประสงค์ของการวิจัยครั้งนี้เพื่อศึกษาแรงจูงใจในการเลือกเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการบริการสังคม และเพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการบริการสังคม มหาวิทยาลัยบูรพา เป็นการวิจัยเชิงสำรวจที่ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการวิจัย เก็บข้อมูลกับนิสิต ชั้นปีที่1- 4 ของมหาวิทยาลัยบูรพา จำนวน 144 คน ผลการวิจัยพบว่า นิสิตมีแรงจูงใจในการเลือกศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เรียงจากมากมาน้อย ได้แก่ แรงจูงใจในการเลือกศึกษาต่อจากด้านหลักสูตรการเรียนการสอน และด้านเศรษฐกิจและสังคม ด้านสภาพแวดล้อมมหาวิทยาลัย ด้านการประกอบอาชีพ ด้านความสนใจ และเหตุผลส่วนตัว ด้านการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ตามลำดับ ในขณะที่แรงจูงใจในการเลือกศึกษาต่อจากด้านบุคคลที่เกี่ยวข้อง มีค่าเฉลี่ย ซึ่งอยู่ในระดับน้อย ส่วนการทดสอบสมมติฐานนั้น ผลการวิจัยพบว่า การวิเคราะห์ปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อแรงจูงใจในการเลือกเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการบริการสังคม พบว่านิสิตที่เข้าศึกษาต่อโดยระบบการสอบเข้าแตกต่างกันมีแรงจูงใจในการเลือกเข้าศึกษาต่อในภาพรวม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ส่วนนิสิตที่มีเพศ ภูมิลำเนา และผลการศึกษาแตกต่างกัน พบว่าแรงจูงใจในการเลือกเข้าศึกษาต่อในภาพรวมไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 แนวทางการสร้างเสริมแรงจูงใจในการเลือกศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการบริการสังคม ตามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า ลำดับแรกที่ได้รับการสนับสนุนมากที่สุดคือ มหาวิทยาลัยควรมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เช่น หอสมุดและระบบสารสนเทศที่มีคุณภาพ รองลงมาคือ หลักสูตรควรมีรายวิชาที่เป็นจุดเด่น เช่น การลงพื้นที่ศึกษาชุมชน การทำงานจิตอาสา และการฝึกปฏิบัติงานทั้งในภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยควรสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่ยอมรับในระดับชาติและนานาชาติ รวมถึงควรกำหนดค่าธรรมเนียมการศึกษาตลอดหลักสูตรให้เหมาะสม ซึ่งประเด็นเหล่านี้ได้รับการเห็นด้วยจากนิสิตมากกว่าร้อยละ 80
รายละเอียด: โครงการวิจัยประเภทงบประมาณเงินรายได้มหาวิทยาลัย เงินรายได้ส่วนงาน มหาวิทยาลัยบูรพา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567
URI: https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/17515
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:รายงานการวิจัย (Research Reports)

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม รายละเอียด ขนาดรูปแบบ 
2569-126.pdf2.74 MBAdobe PDFดู/เปิด


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น