กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้:
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/3913
ระเบียนเมทาดาทาแบบเต็ม
ฟิลด์ DC | ค่า | ภาษา |
---|---|---|
dc.contributor.author | สัญญา ยิ้มศิริ | |
dc.contributor.author | แววมยุรา คำสุข | |
dc.contributor.other | มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะวิศวกรรมศาสตร์ | |
dc.date.accessioned | 2020-04-23T07:15:57Z | |
dc.date.available | 2020-04-23T07:15:57Z | |
dc.date.issued | 2561 | |
dc.identifier.uri | http://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/3913 | |
dc.description.abstract | การศึกษางานวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลทางตรงอิทธิพลทางอ้อมและอิทธิพลโดยรวมของตัวแปรต่อความได้เปรียบในการแข่งขันของสถานประกอบการในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ และเพื่อพัฒนารูปแบบสมการโครงสร้างของนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ส่งผลต่อความได้เปรียบในการแข่งขันของสถานประกอบการในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิจัยเป็นแบบการวิจัยเชิงผสม คือ การวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้วิธีเก็บรวบรวมข้อมูลด้วย แบบสอบถาม จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 360 แห่ง และการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้บริหารอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทยจำนวน 10 ท่าน ผู้วิจัยใช้โปรแกรมทางสถิติ เพื่อวิเคราะห์สถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าความเบ้ ค่าความโด่ง ค่าความเชื่อถือได้ของแบบสอบถาม และในการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน และการวิเคราะห์โครงสร้าง ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ ผลการวิจัยเป็นดังนี้ การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน พบว่า รูปแบบการวัดมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์และสอดคล้องกับทฤษฎี โดยตัวแปรสังเกตได้มีค่ามาตรฐานน้ำหนักองค์ประกอบอยู่ระหว่าง 0.691-0.869 ค่าอัตราความผันแปร (R2) เท่ากับ 0.365-0.754 และการวิเคราะห์โครงสร้างความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ พบว่า รูปแบบของตัวแปรมีความกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ (Model Fit) มีค่าทดสอบดังนี้ Chi-square ( 2 ) = 53.173, df = 42, p = .116, CMIN/DF( 2 /df) = 1.266, GFI=.960, CFI=.992, AGFI=.925, NFI=.962 and RMSEA= .037 ซึ่ง ส ามารถอธิบายความผันแปรของความได้เปรียบเชิงการแข่งขันได้ ร้อยละ 54 (R2= 0.54) ผลการศึกษาพบว่า เทคโนโลยีและนวัตกรรมส่งอิทธิพลทางตรง อิทธิพลทางอ้อม และอิทธิพลรวมในเชิงบวกต่อความได้เปรียบในการแข่งขันของสถานประกอบการในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ดังนั้นอุตสาหกรรมต้องส่งเสริม สนับสนุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขันขององค์กร รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยได้อย่างยั่งยืนต่อไป | th_TH |
dc.description.sponsorship | งานวิจัยได้รับทุนสนับสนุนจากงบประมาณเงินรายได้จากเงินอุดหนุนรัฐบาล (งบประมาณ แผ่นดิน) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | th_TH |
dc.language.iso | th | th_TH |
dc.publisher | คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา | th_TH |
dc.subject | อุตสาหกรรมยานยนต์ | th_TH |
dc.subject | อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ | th_TH |
dc.subject | สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย | th_TH |
dc.title | อิทธิพลของเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ส่งผลต่อความได้เปรียบในการแข่งขันในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทย | th_TH |
dc.title.alternative | Influence of Technology and Innovation effecting Competitive Advantage of Thai Automotive Part Industry | en |
dc.type | Research | th_TH |
dc.author.email | wawmayura.cha@hotmail.com | |
dc.author.email | syimsiri@eng.buu.ac.th | |
dc.year | 2562 | th_TH |
dc.description.abstractalternative | The purpose of this research study is to study direct, indirect, and total influence of variables on competitive advantage of firms in automotive part industry in Thailand. In addition, it is to develop the structural equation model of technology and innovation that has influence on competitive advantage of automotive part industry in Thailand. The research was conducted in the form of mixed method research that included quantitative and qualitative research. In a quantitative part, the survey data was collected by questionnaire from a sample size of 360 automotive part manufacturers. Likewise, for a qualitative part, an in-depth interview was performed with executive members from ten automotive part manufacturers in Thailand. A statistical software package was used to analyze statistic including percentage, mean, standard deviation, skewness, kurtosis, and reliability of the questionnaire. It is also used to perform confirmatory factor analysis (CFA) and structural causal relationship analysis. The results were as follows. From confirmatory factor analysis, it was found that the measurement pattern was consistent with empirical data and theory. Standard regression weight was found to be between 0.691-0.869. the coefficient of determination ( R2 ) was 0.365-0.754, and the structural causal relationship analysis showed that the model fit in with the empirical data. The hypothesis test values were as follow: Chi-square ( 2 ) = 53.173, df = 42, p = 0.116, CMIN / DF ( 2 / df) = 1.266, GFI = 0.960, CFI = 0.992, AGFI = 0.925, NFI = 0.962 and RMSEA = 0.037. This was meant that the model could describe 54% of the variance of competitive advantage (R2 = 0.54). Likewise, the study had found that innovation and technology had direct, indirect and total influence in a positive way on the competitive advantage of the automotive part industry in Thailand. Therefore, it is crucial that the automotive part industry in Thailand be supported and cooperated from government and private sectors in innovation and technology aspects to elevate competitive advantage and to develop personnel to achieve technological innovation for sustainable development of automotive part industry in the future to come. | en |
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล: | รายงานการวิจัย (Research Reports) |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม | รายละเอียด | ขนาด | รูปแบบ | |
---|---|---|---|---|
2564_020.pdf | 2.48 MB | Adobe PDF | ดู/เปิด |
รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น