กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/3458
ระเบียนเมทาดาทาแบบเต็ม
ฟิลด์ DC ค่าภาษา
dc.contributor.authorศนิ จิระสถิตย์
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยบูรพา. คณะวิทยาศาสตร์
dc.date.accessioned2019-04-02T04:23:10Z
dc.date.available2019-04-02T04:23:10Z
dc.date.issued2561
dc.identifier.urihttp://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/3458
dc.description.abstractงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรร่วมกับการเติมแหล่งคาร์บอนและแหล่งไนโตรเจนต่อการเจริญและการผลิตรงควัตถุสีเหลือง โมนาโคลิน เค และซิตรินินของ Monascus purpureus TISTR 3541 ด้วยกระบวนการหมักแบบอาหารแข็ง ผลการทดลองพบว่า รา Monascus สามารถเจริญเติบโตได้บนกากมันสำปะหลัง รำข้าว และข้าวหัก โดยการเติม แหล่งคาร์บอน (กลูโคสและกลีเซอรอลความเข้มข้น 4% และ 8%) มีผลกระทบต่อการเจริญและการผลิตรงควัตถุสีเหลือง โมนาโคลิน เค และซิตรินินจาก M. purpureus เช่นเดียวกับการเติมแหล่งไนโตรเจน (เปปโตนและแอมโมเนียมคลอไรด์ความเข้มข้น 1% และ 5%) ทั้งนี้ข้าวหักเป็นอาหารเลี้ยงเชื้อที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการผลิตรงควัตถุสีเหลืองจากรา Monascus รองลงมา ได้แก่ รำข้าวและกากมันสำปะหลัง ตามลำดับ โดยการหมักรา M. purpureus บนข้าวหักร่วมกับการเติมแอมโมเนียม คลอไรด์ 1% และกลูโคส 4% สามารถปรับปรุงการผลิตรงควัตถุสีเหลืองจากรา M. purpureus ได้ สูงสุด (526.77 OD units/g sdw) ซึ่งเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับข้าวหักที่ปราศจากการเติมแหล่งคาร์บอนและแหล่งไนโตรเจน ขณะที่ตัวอย่างยังคงมีปริมาณซิตรินินต่ำ (0.20 mg/kg) นอกจากนี้ข้าวหักยังเป็นอาหารเลี้ยงเชื้อที่เหมาะสมที่สุดส าหรับการผลิตโมนาโคลิน เค รองลงมา ได้แก่ กากมันสำปะหลังและรำข้าว ตามลำดับ โดยรา Monascus สามารถผลิตโมนาโคลิน เค ได้ สูงสุด เท่ากับ 40.33 mg/kg และมีปริมาณซิตรินินต่ำ (0.61 mg/kg) เมื่อหมักบนข้าวหักร่วมกับการเติมเปปโตน 1% และกลูโคส 4% ซึ่งปริมาณโมนาโคลิน เค เพิ่มขึ้น 4.4 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับข้าวหักที่ปราศจากการเติมแหล่งคาร์บอนและแหล่งไนโตรเจนth_TH
dc.description.sponsorshipงานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากงบประมาณเงินรายได้จากเงินอุดหนุนรัฐบาล (งบประมาณแผ่นดิน) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 มหาวิทยาลัยบูรพา ผ่านสำนักงาน คณะกรรมการการวิจัยแห่งชาติ เลขที่สัญญา 78/2558th_TH
dc.language.isothth_TH
dc.publisherคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาth_TH
dc.subjectกระบวนการหมักth_TH
dc.subjectของเสียทางการเกษตรth_TH
dc.subjectสาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัชth_TH
dc.titleการผลิตโมนาโคลิน เค รงควัตถุสีเหลืองและซิตรินิน โดย Monascus purpureus จากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ด้วยกระบวนการหมักแบบอาหารแข็งth_TH
dc.title.alternativeThe production of monacolin K, yellow pigment and citrinin by Monascus purpureus on argo-industrial byproducts in solid-state fermentationen
dc.typeResearch
dc.author.emailsani@buu.ac.th
dc.year2561
dc.description.abstractalternativeThe effects of agricultural by-products supplemented with carbon source and nitrogen source on growth and the production of yellow pigment, monacolin K and citrinin by Monascus purpureus TISTR 3541 were studied by solid-state fermentation. The genus of Monascus was capable to growth on cassava residue, rice bran and broken rice. The supplementation of either carbon source (4% and 8% of glucose and glycerol) impacted on growth and the production of yellow pigment, monacolin K and citrinin by Monascus as well asthe supplementation of either nitrogen source (1% and 5% of peptone and ammonium chloride). The broken rice was the best substrate for yellow pigment production from Monascus, followed by rice bran and cassava residues, respectively. The broken rice supplemented with 1% of ammonium chloride and 4% of glucose achieved the highest yellow pigment concentration (526.77 OD units/g sdw) up to 2.5 times as compared with the broken rice without supplemented carbon source and nitrogen source, while the low yield of citrinin was obtained (0.20 mg/kg). In addition, the broken rice was also the best substrate for monacolin K production, followed by cassava residue and rice bran, respectively. The maximum amount of monacolin K was 40.33 mg/kg and low yield of citrinin was observed (0.61 mg/kg) when Monascus was cultivated on the broken rice supplemented with 1% of peptone and 4% of glucose. The monacolin K increased approximately 4.4 times as compared to the broken rice without supplemented carbon source and nitrogen sourceen
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:รายงานการวิจัย (Research Reports)

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม รายละเอียด ขนาดรูปแบบ 
2562_002.pdf1.95 MBAdobe PDFดู/เปิด


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น