กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/322
ชื่อเรื่อง: การศึกษาสถานการณ์โรคอ้วนของวัยรุ่นไทยในภาคตะวันออก
ชื่อเรื่องอื่นๆ: The prevalence of obesity of Thai adolescents in the eastern region of Thailand
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: อาภรณ์ ดีนาน
สงวน ธานี
สมจิตร พึ่งวงศ์สำราญ
มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะพยาบาลศาสตร์
คำสำคัญ: วัยรุ่น - - ไทย - - ชลบุรี
โรคอ้วน - - ไทย - - ชลบุรี
โรคอ้วน - - การป้องกันและควบคุม
สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์
วันที่เผยแพร่: 2550
สำนักพิมพ์: คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
บทคัดย่อ: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยทำนายโรคอ้วนของวัยรุ่นไทยในภาคตะวันออก กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคตะวันออก จำนวน 1991 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลแบบสอบถามพฤติกรรมการออกกำลังกายและการใช้เวลาว่าง แบบสอบถามพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เครื่องชั่งน้ำหนักและเครื่องวัดส่วนสูง เครื่องตรวจหาระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด เก็บรวบรวมข้อมูลโดยให้นักเรียนทุกคนตอบแบบสอบถามและสุ่มนักเรียนจำนวน 476 คนเพื่อเจาะตรวจระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดวิเคราะห์ข้อมูลโดยสถิติพรรณนาและหาค่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรและหาปัจจัยทำนายโดย Stepwise regression correlation ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ เป็นเพศหญิง ร้อยละ 59.3 อายุเฉลี่ย 14.90 ปีมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยวันละ 43 บาท รายได้ของครอบครัวอยู่ระหว่าง 10000-20000 บาท/เดือน ร้อยละ 12.1 มีค่าดัชนีมวลกายสูงกว่าเปอร์เซนไทล์ที่ 95 th ร้อยละ 50.1 มีสมาชิกในครอบครัวที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน ร้อยละ 15.5 มีบิดาน้ำหนักเกินมาตรฐาน ร้อยละ 19.1 มีมารดาน้ำหนักเกินมาตรฐาน ร้อยละ 2.9 มีบิดาอ้วนและร้อยละ 4.7 มีมารดาอ้วน พฤติกรรมการออกกำลังกายและการใช้เวลาว่างของกลุ่มตัวอย่าง พบว่ามีค่าเฉลี่ยการออกกำลังกาย 120.41 นาที/สัปดาห์ (M=120.4, SD=90.69) ใช้เวลาในการดูโทรทัศน์หลังเลิกเรียนเแลี่ยวันละ 1 ชั่วโมง 55 นาที (M=115.32, SD=94.03) และใช้เวลาในการดูโทรทัศน์ในวันหยุด เฉลี่ยวันละ 5 ชั่วโมง (M=285.22, SD=141.39) ผลการตรวจหาระดับไขมันในเลือด พบว่า ร้อยละ 17.6 มีระดับโคเลสเตอรอลสุงกว่า 200 มก/มล ร้อยละ 21 มีไตรกลีเซอไรด์สูงกว่า 100 มก/มล ร้อยละ มีระดับแอลดีสูงกว่า 130 มก/ดล และร้อยละ 98 มีระดับแอลดีแอลสูงกว่า 45 มก/ดล การวิเคราะห์ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับค่าดัชนีมวลกายอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ได้แก่ จำนวนสมาชิกครอบครัวที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานและอ้วน ค่าดัชนีมวลกายของบิดาและมารดา ค่าใช้จ่ายรายวัน จำนวนวันธรรมกาที่ดูโทรทัศน์และระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ เมื่อวิเคราะห์ปัจจัยทำนายค่าดัชนีมวลกายของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า จำนวนสมาชิกครอบครัวที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานและอ้วน ค่าดัชนีมวลกายของบิดาและมารดา ค่าใช้จ่ายรายวัน พฤติกรรมการรับประทานอาหารและเวลาที่ใช้ในการดูโทรทัศน์ สามารถร่วมกันอธิบายค่าดัชนีมวลกายของวัยรุ่นได้ ร้อยละ 14.3 ข้อเสนอแนะจากการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ ควรติดตามอุบัติการณ์และปัจจัยเสี่ยงของโรคในระยะยาว ป้องกันและลดภาวะน้ำหนักเกินมาตรฐานและอ้วนโดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของครอบครัว โดยควรเน้นการสร้างพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่เหมาะสม ควรลดเวลาว่างในการดูโทรทัศน์และเพิ่มการออกกำลังกาย เพื่อแก้ปัญหาภาวะน้ำหนักเกินมาตรฐานและอ้วนของวัยรุ่น
URI: http://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/322
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:รายงานการวิจัย (Research Reports)

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม ขนาดรูปแบบ 
2567_034.pdf4.8 MBAdobe PDFดู/เปิด


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น