กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้:
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/2604
ชื่อเรื่อง: | การพัฒนารูปแบบการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการเขียน สำหรับนักศึกษาปีที่ 1 วิทยาลัยครูบ้านเกิน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว |
ชื่อเรื่องอื่นๆ: | A development of instructional model for writing skill of freshmen Bankeun Lao PDR Teacher College |
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: | เพ็ญนภา กุลนภาดล ประชา อินัง จันทร์สมร พรทวงศ์ มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะศึกษาศาสตร์ |
คำสำคัญ: | การสอน ทักษะการเขียน ภาษาลาว - - การศึกษาและการสอน (อุดมศึกษา) ภาษาลาว - - การเขียน วิทยาลัยครูบ้านเกิน สาขาการศึกษา |
วันที่เผยแพร่: | 2555 |
บทคัดย่อ: | การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาการสร้างรูปแบบการสอน หาประสิทธิภาพรูปแบบการสอนตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 และเปรียบเทียบผลต่างของคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักศึกษาชั้นปีที่1 วิทยาลัยครูบ้านเกินสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักศึกษาปีที่ 1 วิทยาลัยครูบ้านเกิน ที่ลงทะเบียนเรียนสาขาภาษา ลาว ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2552 โดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 41 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ รูปแบบการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการเขียน และแบบ วัดทักษะการเขียน สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการหาประสิทธิภาพรูปแบบการสอนตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการเขียนสูงกว่าเกณฑ์80/80 ที่กำหนดไว้ ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 ขั้นนำ เป็นขั้นเตรียมความพร้อมสร้างความสนใจและทบทวนความรู้เดิม ขั้นที่ 2 ขั้นสอน เป็นการเสนอเนื้อหาใหม่ แยกกลุ่มย่อยปฏิบัติการ ขั้นที่ 3 ขั้นฝึกแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่มๆละ 5-6 คน ให้อ่านเนื้อหาตลอดทั้งเรื่อง และเสนอประเด็นความคิดหลัก สัมมนาร่วมกับเพื่อน และปฏิบัติ การเขียนรายบุคคล ขั้นที่ 4 ขั้นประเมิน เป็นการทดสอบย่อยรายบุคคล ตรวจผลงาน ครูให้ข้อมูลย้อนกลับ และขั้นที่ 5 ขั้นถ่ายโอน ใบงานหรือแบบฝึกหัดการเขียน การบ้าน และการอ่านเพิ่มเติม และแผนการจัดการเรียนรู้ 6 แผน แต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ประกอบด้วย แบบฝึกทักษะการเขียน และประเมินตามสภาพจริง การนำรูปแบบไปใช้ พบว่า เมื่อเปรียบเทียบผลต่างระหว่างกระบวนการเรียนรู้และหลังเรียน พบว่า ประสิทธิภาพ ความสามารถในการทำกิจกรรมตามแบบฝึกหัดระหว่างเรียน ครบ 6 ครั้งได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 97.07 และคะแนนเฉลี่ยจากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียนของนักเรียนทั้งหมดได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 97.72 ซึ่งแสดงว่ารูปแบบการสอนนี้ มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ จากการเปรียบเทียบคะแนนค่าเฉลี่ยก่อนเรียน และหลังเรียน พบว่า ทักษะการเขียนของผู้เรียนที่เรียนจากรูปแบบการสอนหลังเรียนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 แสดงให้เห็นว่ารูปแบบการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการเขียนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นสามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
URI: | http://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/2604 |
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล: | บทความวิชาการ (Journal Articles) |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม | ขนาด | รูปแบบ | |
---|---|---|---|
274-284.pdf | 161.29 kB | Adobe PDF | ดู/เปิด |
รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น