กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/17501
ชื่อเรื่อง: ความสัมพันธ์ของท่าท่างคอยื่น ไหลงุ้ม ต่อความเสี่ยงต่อการล้มและสมรรถภาพร่างกายในผู้สูงอายุที่ติดสมาร์ทโฟนและไม่ติดสมาร์ทโฟนและผลของการออกกำลังกายปรับท่าทาง การทรงท่า ต่อความเสี่ยงการล้ม สมรรถภาพร่างกายและคุณภาพชีวิตในผู้สูงอายุที่ติดสมาร์ทโฟน
ชื่อเรื่องอื่นๆ: Correlation between forward head and round shoulder posture on risk of fall and physical performance in elderly with and without smart phone addict and effects of corrective and balance exercise on risk of falls, physical performance, and quality of life in elderly those addict to smart phone
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: พิมลพรรณ ทวีการ
คุณาวุฒิ วรรณจักร
ทนุอุดม มณีสิงห์
จันทร์ทิพย์ นามสว่าง
ภูริชญา วีระศิริรัตน์
ณัฐศุภา สิงหสุต
อรชร บุญลา
ศิริรัตน์ เกียรติกูลานุสรณ์
นงนุช ล่วงพ้น
กุลธิดา กล้ารอด
พรพรหม สุระกุล
คำสำคัญ: คุณภาพชีวิต
ผู้สูงอายุ -- การดูแล
สมาร์ตโฟน
วันที่เผยแพร่: 2567
สำนักพิมพ์: คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
บทคัดย่อ: ปัจจุบันมีการใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้นตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยชรารูปแบบการใช้งานส่วนมากจะเป็นการใช้งานการใช้งานสมาร์ทโฟนในท่าก้มคอนาน ๆ อาจส่งผลให้เกิดการล้าของกล้ามเนื้อ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคอลดลงอาจส่งผลต่อการเกิดคอยื่น ไหล่งุ้ม ซึ่งอาจทำให้เกิดการเคลื่อนของจุดรวมมวลของร่างกายมาด้านหน้านำมาสู่การเสี่ยงต่อการล้มได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพบว่าการล้มเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ ปัจจุบันมีหลายวิธีการรักษาในการปรับปรุงท่าทางที่บกพร่องไป เช่น การให้ความรู้ในการปรับเปลี่ยนท่าทางการทำงานการออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงในส่วนของกล้ามเนื้อยืดยาวออกที่อ่อนแรง และ ยืดกล้ามเนื้อในส่วนที่มีการหดสั้น และโปรแกรมการฝึกbalance เช่น การยืนบนโฟม ดังนั้นการลดปัญหาสุขภาพหรือการบาดเจ็บเรื้อรังจึงเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตในกลุ่มประชากรดังกล่าว วัตถุประสงค์: 1. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของท่าทางคอยื่น ไหล่งุ้ม สมดุลการทรงท่า ต่อความเสี่ยงต่อการล้ม ความไวของการตอบสนอง ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อก้มคอมัดลึก อาการปวด ความคลาดเคลื่อนของการรับรู้ตำแหน่งของข้อต่อกระดูกคอ ในผู้สูงอายุที่ติดสมาร์ทโฟนและไม่ติดสมาร์ทโฟน (ระยะที่ ๑) 2. เพื่อศึกษาผลของการออกกำลังกายการปรับท่าทางต่อท่าทางคอยื่น ไหล่งุ้ม สมดุลการทรงท่า ต่อความเสี่ยงต่อการล้ม ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อก้มคอมัดลึก คุณภาพชีวิต อัตราการเผาผลาญพลังงานขั้นพื้นฐาน และองค์ประกอบร่างกายในผู้สูงอายุที่ติดสมาร์ทโฟน (ระยะที่ ๒) วิธีดำเนินงานวิจัย: การวิจัยในระยะที่ ๑ อาสาสมัครจะเป็นผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนโดยมีอายุอยู่ระหว่าง 60-80 โดยทำการศึกษาในผู้สูงอายุที่ติดสมาร์ทโฟน จำนวน 70 คน เป็นผู้สูงอายุที่ใช้ smartphone ในชีวิตประจำวัน และไม่ติดสมาร์ทโฟน จำนวน ๗๐ คน อาสาสมัครผ่านเกณฑ์การคัดเข้าและคัดออก จากนั้นจะได้รับการประเมิน มุมคอยื่น ไหล่งุ้ม ความมั่นคงในการทรงท่า ความเสี่ยงต่อการล้ม อาการปวด การรับความรู้สึกของกระดูกข้อต่อคอ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคอมัดลึก การวิจัยในระยะที่ ๒ อาสาสมัครผู้สูงอายุ อายุ ๖๐-๘๐ ปีบริบูรณ์ จำนวน ๖๐ คน อาสาสมัครจะถูกสุ่มอย่างง่ายออกเป็น ๓ กลุ่ม กลุ่มที่หนึ่ง (CON) จะได้รับคำแนะนำในการปรับเปลี่ยนท่าทางจากนักกายภาพบำบัด กลุ่มที่สอง (HARD) จะได้รับการออกกำลังกาย Corrective exercises (strengthening exercises ร่วมกับ flexibility exercises) บนพื้นแข็งกลุ่มที่สาม (SOFT) จะได้รับ Stabilizing exercises (strengthening exercises ร่วมกับ flexibility exercises) แต่จะออกกำลังกายในท่ายืนบนพื้นยวบ (foam surface) ก่อนเริ่มการทดสอบอาสาสมัครได้รับการประเมิน ท่าทางคอยื่น ไหล่งุ้ม ความมั่นคงในการทรงท่า ความเสี่ยงต่อการล้ม และสมรรถภาพทางกาย จากนั้นอาสาสมัครจะออกกำลังกาย ๓ วันต่อสัปดาห์ เป็นเวลา ๖ สัปดาห์ ทั้งสามกลุ่มจะได้รับการประเมินตัวชี้วัดต่างๆที่ baseline สัปดาห์ที่ ๖ และ ติดตามผลที่ ๑ เดือน ผลการศึกษา: ระยะที่ ๑ อาสาสมัครทั้งหมดจำนวน ๑๔๐ คน พบว่ามีความสัมพันธ์ของการติดสมาร์ทโฟนที่ประเมินด้วยแบบประเมินการติดสมาร์ทโฟนฉบับภาษาไทย Smartphone Addiction Scale: Thai Short Version (SAS-SV-TH) กับระดับอาการปวดที่บริเวณคอ (r = 0.303, p < 0.001) และไหล่ (r = 0.239, p = 0.004) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ. อย่างไรก็ตาม ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างระดับการติดมือถือและมุมคอยื่น ไหล่งุ้ม, ความมั่นคงในการทรงท่า, ความเสี่ยงติ่การ ล้ม, ปฏิกิริยาตอบสนองของมือ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคอมัดลึก, การรับรู้ความรู้สึกของข้อต่อคอ ในอาสาสมัครสูงอายุที่ใช้สมาร์ทโฟน ระยะที่ ๒ หลังจากการฝึกหกสัปดาห์ ทุกกลุ่มมีท่าทางคอยื่นและไหล่งุ้มดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (d = 0.81, 0.98, 1.14 สำหรับ CON, HARD และ SOFT ตามลำดับ p < 0.001 ทั้งสามกลุ่ม) ความแข็งแรงของคอที่เพิ่มขึ้น (d = 0.65, 0.73, 0.46 สำหรับ CON, HARD และ SOFT ตามลำดับ p <0.01 ทั้งสามกลุ่ม) ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสิติกลุ่ม SOFT สามารถคงผลไว้เมื่อติดตามผลหนึ่งเดือน ในขณะที่ TUG ไม่เปลี่ยนแปลงสำหรับกลุ่มนี้ แต่เพิ่มขึ้นอย่างมากสำหรับกลุ่ม CON ค่า FRT องค์ประกอบทางร่างกายและ QOL ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญทางสถิติ โดยสรุป การแทรกแซงทั้งสามครั้งนำไปสู่การปรับปรุงท่าทางและเพิ่มความแข็งแรงของคอลึก ซึ่งบ่งบอกถึงประโยชน์ทางคลินิก สรุปผลการศึกษา: พบความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างการติดสมาร์ทโฟนและอาการปวดคอ/ไหล่ แต่ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการติดสมาร์ทโฟนและท่าทางที่ไม่ถูกต้อง ความเสี่ยงของการหกล้ม ความสามารถในการทรงตัว เวลาในการตอบสนองของมือ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้องอคอลึก และการรับรู้ตำแหน่งของข้อต่อคอในผู้สูงอายุใช้สมาร์ทโฟนพารามิเตอร์ที่สำคัญ ได้แก่ มุมคอยื่นไปด้านหน้า, การรับรู้ตำแหน่งของข้อต่อคอ และเวลาในการตอบสนองของมืออาจทำนายความเสี่ยงของการหกล้มในผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มจะใช้สมาร์ทโฟนการรักษาทั้งสามโปรแกรมส่งผลต่อการดีขึ้นของท่าทางร่างกาย ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อคอมัดลึก ซึ่งบ่งชี้ถึงประโยชน์ทางคลินิก อย่างไรก็ตาม การฝึกบนพื้นยวบมีผลต่อการรักษาค่าตัวชี้วัดในระยะยาว ทั้งนี้ควรพิจารณาการเพิ่มระนยะเวลาการออกกำลังกายและปริมาณการออกกำลังกายเพื่อให้เห็นความชัดเจนของการออกกำลังกายมากขึ้น
รายละเอียด: ได้รับทุนอุดหนุนการวิจัย ประเภทเงินรายได้ ประจำปีงบประมาณ 2566 คณะสหเวชศาสตร์
URI: https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/17501
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:รายงานการวิจัย (Research Reports)

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม รายละเอียด ขนาดรูปแบบ 
2569-089.pdf1.55 MBAdobe PDFดู/เปิด


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น