กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้:
https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/12624
ชื่อเรื่อง: | พฤติกรรมการใช้ยาสามัญประจำบ้านของประชาชน อำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี |
ชื่อเรื่องอื่นๆ: | A study on household remedies behviors of people in thchnge district, singburi province |
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: | บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์ อุดมลักษณ์ อุสาหะ มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะสาธารณสุขศาสตร์ |
คำสำคัญ: | มหาวิทยาลัยบูรพา -- สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ ยาสามัญประจำบ้าน Health Sciences อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) |
วันที่เผยแพร่: | 2559 |
สำนักพิมพ์: | คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา |
บทคัดย่อ: | ยาสามัญประจำบ้านหาซื้อได้ง่าย ใช้สะดวก แต่ถ้าใช้ไม่ถูกอาจส่งผลให้เจ็บป่วยเรื้อรัง และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้การศึกษานี้ต้องการศึกษาพฤติกรรมการใช้ยาสามัญของประชาชน กลุ่มตัวอย่างเป็นหัวหน้าครัวเรือนหรือแกนนำสุขภาพครัวเรือน 246 คน ที่มีอายุ 20-80 ปี ซึ่งสุ่มแบบหลายขั้นตอนจากครัวเรือนประชาชนในอำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี ข้อมูลเก็บด้วยการสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง ซึ่งถามข้อมูลทั่วไป ความรู้ ความเชื่อ และการปฏิบัติในการใช้ยา มีความเที่ยงแบบสัมประสิทธิ์แอลฟา 0.84, 0.65 และ 0.91 ตามลำดับ ข้อมูลวิเคราะห์ด้วยร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบการปฏิบัติในการใช้ยาระหว่างกลุ่มตัวแปรสถานภาพในครัวเรือน เพศ อายุ และการศึกษาด้วย Independent t-test และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และหาความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ ความเชื่อ และการปฏิบัติในการใช้ยาด้วยสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน ผลการศึกษาพบว่า ประชาชนที่ศึกษา ส่วนมากเป็นหัวหน้าครัวเรือน (56.5%) เป็นผู้หญิง (57.7%) อายุเฉลี่ย 51.6 +14.8 ปี จบการศึกษาสูงสุดประถมศึกษา จำนวนมากสุด (38.6%) รองลงมามัธยมต้น (25.2%) ปริญญาตรีหรือสูงกว่า (16.4%) มัธยมปลายหรือเทียบเท่า (14.6%) ประชาชนมีความรู้เฉลี่ยร้อยละ 71.4 มีความเชื่อเฉลี่ยร้อยละ 68.6 และมีการปฏิบัติในการใช้ยาเฉลี่ย ร้อยละ 54.3 โดยประชาชนที่เป็นหัวหน้าครัวเรือนมีการปฏิบัติมากกว่าแกนนำสุขภาพครัวเรือน และผู้ชายมีการปฏิบัติมากกว่าผู้หญิง ส่วนประชาชนที่มีอายุ และมีการศึกษาสูงสุดต่างกัน มีการปฏิบัติในการใช้ยาสามัญประจำบ้าน ไม่แตกต่างกัน ความรู้กับการปฏิบัติในการใช้ยาสัมพันธ์กับเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญที่ .01 แต่ความเชื่อกับการปฏิบัติในการใช้ยาสัมพันธ์กันเชิงบวกอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ดังนั้น จึงควรส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้เกี่ยวกับยา และการใช้ยาสามัญประจำบ้านให้เพิ่มขึ้น เพื่อประหยัด และลดปัญหาการใช้ยาในประชาชนต่อไป |
รายละเอียด: | งานนิพนธ์ (ส.ม.) -- มหาวิทยาลัยบูรพา, 2559 |
URI: | https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/12624 |
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล: | วิทยานิพนธ์ (Theses) |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม | รายละเอียด | ขนาด | รูปแบบ | |
---|---|---|---|---|
Fulltext.pdf | 1.24 MB | Adobe PDF | ดู/เปิด |
รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น