กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/1004
ระเบียนเมทาดาทาแบบเต็ม
ฟิลด์ DC ค่าภาษา
dc.contributor.authorเยาวลักษณ์ บรรจงปรุth
dc.contributor.authorมณีรัตน์ ภาคธูปth
dc.contributor.authorรวีวรรณ เผ่ากัณหาth
dc.contributor.authorวรรณี บรรเทิงth
dc.contributor.authorจุฬาลักษณ์ บารมีth
dc.contributor.authorรัชนีภรณ์ ทรัพย์กรานนท์th
dc.contributor.authorกุณฑลี จริยาปยุกต์เลิศth
dc.contributor.authorบุญใจ ศรีสถิตย์นรากูรth
dc.contributor.authorวาสนา นารักษ์th
dc.contributor.otherมหาวิทยาลัยบูรพา. คณะพยาบาลศาสตร์
dc.date.accessioned2019-03-25T08:54:58Z
dc.date.available2019-03-25T08:54:58Z
dc.date.issued2534
dc.identifier.urihttp://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/1004
dc.description.abstractการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบที่เหมาะสมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กวัยเรียนในชนบทภาคอีสาน ศึกษาและเปรียบเทียบความรู้ ความคิดเห็น และการปฏิบัติด้านการอบรมเลี้ยงดูเด็กก่อนวัยเรียนของผู้อบรมเลี้ยงดูเด็ก ตลอดจนศึกษาพัฒนาการและประเมินภาวะโภชนาการของเด็กก่อนวัยเรียน ระยะก่อนและหลังการส่งเสริม พื้นที่การวิจัยเป็นพื้นที่เป้าหมายที่โครงการอีสานเขียวได้กำหนดให้ การศึกษาครั้งนี้ใช้วิธีการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพด้วยการใช้แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ และแบบสังเกต รูปแบบที่ใช้ในส่งเสริมการพัฒนา ได้แก่ ยุทธวิธีการใช้สื่อและการจัดกิจกรรม ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยการหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบความแตกต่างด้านความรู้ ความคิดเห็น และการปฏิบัติโดยการทดสอบค่าที (t-test) และทำการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบวัดซ้ำ โดยการทดสอบค่าเอฟ (F-test) ข้อมูลเชิงคุณภาพทำการวิเคราะห์เนื้อหาและนำเสนอแบบบรรยาย ผลการศึกษาพบว่า รูปแบบที่เหมาะสมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กก่อนวัยเรียนในชนบทภาคอีสาน จำเป็นต้องอาศัยกลวิธีการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ทั้งนี้เพื่อกระตุ้น ชี้นำให้ชุมชนสามารถนำศักยภาพของตนเองและนำทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนใช้ให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์ สร้างความเข้าใจและแนวปฏิบัติให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเอง กระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้เจ้าหน้าที่องค์กรหลักที่เกี่ยวข้อง สร้างความศรัทธาให้เกิดกับผู้นำในระดับท้องถิ่น โดยนำปัจจัยนำเข้าแบบผสมผสาน ซึ่งได้แก่ ยุทธวิธีการใช้สื่อเพื่อแก้ไขปัญหาและการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตมาใช้ จากการศึกษาวิจัยด้วยกลวิธีดังกล่าวก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านความรู้ ความคิดเห็นและการปฏิบัติในการอบรมเลี้ยงดูเด็กก่อนวัยเรียนของผู้อบรมเลี้ยงดูเด็ก โดยส่วนรวมเหมาะสมและถูกต้องเพิ่มขึ้น และจากการเปรียบเทียบด้านความรู้ ความคิดเห็น และการปฏิบัติของผู้อบรมเลี้ยงดูเด็กระยะก่อนและหลังส่งเสริม โดยส่วนรวมแตกต่างกันในทางบวกอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 และพบว่าผู้อบรมเลี้ยงดูเด็กบ้านผักแว่น หมู่ที่4 มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงด้านความรู้และการปฏิบัติในทางบวกสูงกว่าหมู่บ้านอื่น และยังพบว่าพัฒนาการและภาวะโภชนาการของเด็กก่อนวัยเรียนโดยส่วนรวมดีขึ้นth_TH
dc.description.sponsorshipสนับสนุนโดยส่วนโครงการมหาวิทยาลัย ฝ่ายนโยบายและแผน ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือประชาชนตามแนวพระราชดำริ เพื่อพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (โครงการอีสานเขียว) ประจำปีงบประมาณ 2534en
dc.language.isothth_TH
dc.publisherคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาth_TH
dc.subjectคุณภาพชีวิต - - วิจัยth_TH
dc.subjectเด็ก - - การดูแล - - วิจัยth_TH
dc.subjectสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์th_TH
dc.titleรูปแบบที่เหมาะสมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กก่อนวัยเรียน ในชนบทภาคอีสาน.th_TH
dc.title.alternativeAn appropriated model developed for quality of life of preschool age childen in the North Eastern Rural Areaen
dc.typeResearch
dc.year2534
dc.description.abstractalternativeQuantitative data were analysed using standard statistical methods, including t-test and F-test. The finding from the quantitative component of the study were analysed by examining their contents for the information they provided in relation to the main research question, especially in regard to providing a description of the range and differences among the study population, and a comparison with quantitative findings. It was found that there were significant differences in child development and nutritional status, and the sample population’s knowledge, opinions and practices related to the care of pre-school age children following intervention, between the control and study populations. On the basis of these findings it may be concluded that the intervention model developed is an appropriate and effective means of improving the quality of life or pre-school age children in rural areas of Northern Thailand.en
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:รายงานการวิจัย (Research Reports)

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
ไม่มีแฟ้มใดที่สัมพันธ์กับรายการข้อมูลนี้


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น