Abstract:
การศึกษาวาทกรรมว่าด้วยโสเภณีในสังคมไทยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญในการศึกษา คือ เพื่อศึกษาวาทกรรมทางนโยบายโสเภณีไทยในยุคสมัยก่อนการพัฒนายุคสมัยแห่งการพัฒนาและยุคสมัยปัจจุบัน เพื่อมุ่งตอบคำถามว่าในแต่ละยุคมีบริบทเป็นอย่างไร มีการก่อรูป การต่อต้านทางวาทกรรมอย่างไร และมีตัวแสดงที่สำคัญ ทางวาทกรรมอย่างไรบ้างผลจากการศึกษาพบว่ายุคสมัยก่อนการพัฒนาบริบทที่สำคัญในยุคนี้ คือ อยู่ภายใต้การปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มีระบบศักดินาเป็นกลไกสำคัญในการกำหนดความสัมพันธ์ทางสังคม การก่อรูปของวาทกรรมทางนโยบายโสเภณีในยุคนี้มีตัวแสดงที่สำคัญ คือ พระมหากษัตริย์มีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ก่อรูปทางนโยบายโสเภณีภายใต้การครอบงำของความคิดหลักทางเศรษฐกิจในยุคนี้ มีการต่อต้านวาทกรรมทางนโยบายดังกล่าวโดยตัวแสดงหลัก คือ เจ้าภาษีนายอากรอันเนื่องมาจากปัญหาในการประมูลการจัดเก็บภาษีโสเภณี ผลนำไปสู่การตอบโต้ของรัฐโดยการตราพระราชบัญญัติป้องกันสัญจรโรคใช้บังคับเพื่อรวบอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง คือ กษัตริย์แต่เพียงผู้เพียวกระทั่งเข้าสู่ยุคแห่งการพัฒนาที่อยู่ภายใต้บริบทที่สำคัญ คือ การปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตก มีรัฐธรรมเป็นกลไกสำคัญในการกำหนดความสัมพันธ์ทางสังคม การก่อรูปของวาทกรรมทางนโยบายโสเภณีในยุคนี้มีตัวแสดงที่สำคัญในการก่อรูป คือรัฐบาลที่มีบทบาทหลักในฐานะผู้กำหนดและวางแนวนโยบายเรื่องโสเภณีอย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติปัญหาเรื่องโสเภณีถึงแม้จะถูกกำหนดให้ผิดกฎหมายไม่อนุญาตให้มีการขายบริการทางเพศดังเช่นในยุคก่อนการพัฒนาแต่ในทางปฏิบัติก็มิได้มีการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐอย่างเคร่งครัด ก่อให้เกิดการต่อต้านทางวาทกรรม โดยตัวแสดงที่มีอิทธิพลต่อนโยบายโสเภณีของรัฐไทย คือ สันนิบาตชาติและสหประชาชาติ โดยการครอบงำผ่าน ทางอุดมการณ์ประชาธิปไตยแบบตะวันตกผล คือ นำไปสู่การปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับโสเภณีเพื่อให้ สอดคล้องกับการต่อต้านดังกล่าวจนกระทั่งเข้าสู่ยุคปัจจุบัน วาทกรรมทางนโยบายโสเภณีอยู่ภายใต้กรอบ ความคิดแบบถูกผิดตามบทบัญญัติของกฎหมาย ซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญอย่างหนึ่งของนโยบายรัฐในยุคนี้ การก่อรูปวาทกรรมทางนโยบายโสเภณีมีตัวแสดงหลัก คือ รัฐบาลและกลไกอำนาจรัฐที่เกี่ยวข้อง ในฐานะผู้นิยามและ กำหนดนโยบายโสเภณีสู่การปฏิบัติ แต่เนื่องจากบริบททางสังคมไทยยุคปัจจุบันที่มีความแตกต่างจากในอดีตของทั้งสองยุคที่ผ่านมา คือ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อน ผลักดันให้เกิดกระแสการต่อต้านทางวาทกรรมทางนโยบายที่ครอบงำปัญหาเรื่องโสเภณี ในลักษณะของความคิดแบบถูกหรือผิดตามบทบัญญัติของ กฎหมายสู่การเสนอกรอบความคิดทางนโยบายโสเภณีในลักษณะอื่น ๆ โดยมีตัวแสดงหลัก คือ กลุ่มองค์กร พัฒนาเอกชนที่พยายามเสนอรูปแบบของแนวนโยบายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโสเภณีเพื่อโต้ตอบรัฐ ผล คือ นำไปสู่การตอกย้ำวาทกรรมทางนโยบายโสเภณีของรัฐไทยโดยการตรากฎหมายหลายฉบับ เพื่อใช้บังคับกำกับนโยบาย และประเด็นปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโสเภณีในสังคมไทย