Abstract:
การศึกษาผลของการพัฒนากระบวนการเชื่อมที่มีผลต่อการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ จากวัฏจักรชีวิตของการผลิตแท่นขุดเจาะปิโตรเลียมแบบหลุมผลิต ซึ่งวัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้เพื่อประเมินปริมาณการปล่อย CO2 ของงานเชื่อมในการผลิตแท่นขุดเจาะปิโตรเลียมแบบหลุมผลิตในการเชื่อมแบบเดิม เปรียบเทียบกับการเชื่อมฟลักซ์คอร์ (FCAW) พบว่า ผลการประเมิน คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของแท่นขุดเจาะปิโตรเลียม ขนาด 1,258 ตัน ด้วยวิธีการประเมินแบบ Combined IOA-PCA ในการปล่อย CO2 โดยใช้ emission factor ของวัตถุดิบหลักคือเหล็กจากผลการศึกษา LCA ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบที่ใช้จริงของผลิตภัณฑ์นี้ พบว่า การเชื่อมแบบ SMAW มีการปล่อย CO2 สูงกว่า แบบ SMAW + FCAW เมื่อคิดประมาณการค่าร้อยละที่ลดลง จะเห็นว่าลดลง 1.26% ซึ่งถือได้ว่าเป็นการปรับปรุงงานเชื่อมที่สามารถลดปริมาณก๊าซเรือนจกให้กับสภาพแวดล้อมลงได้แต่อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่า แนวทางหนึ่งที่ช่วยลด CO2 ลงได้ ซึ่งเป็นแบบที่ควรเลือกใช้ในงานเชื่อมแท่นขุดเจาะปิโตรเลียมกับงบประมาณที่ต้องเสียแล้วคุ้มค่ากว่าอาจจำเป็นต้องหาเทคโนโลยีตัวใหม่แต่อาจมีข้อเสียคือค่าเครื่องเชื่อมมีราคาค่อนข้างสูง ดังนั้นจะต้องพิจารณาถึงคุณภาพ ระยะการบำรุงรักษาที่ยาวนาน ความชำนาญของบุคลากรในการเชื่อม และปริมาณความร้อนที่สะสม และปัจจัยอื่น ๆ ร่วม เพื่อสามารถเพิ่มโอกาสที่ดีในการเชื่อม และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ทั้งนี้หากเลือกใช้ Emission factor ของเหล็กที่ประเมินจาก IOA ของประเทศไทยพบว่า การปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากวัฏจักรชีวิตของแท่นขุดเจาะสูงกว่ามากจะทำให้ผลงานวิจัยที่ได้มามีค่าคลาดเคลื่อนสูง ดังนั้นจึงแนะนำให้เลือกใช้ค่า Emission factor จากแหล่งผลิตที่ตรงกับวัตถุดิบที่ใช้จริง