Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการบริหารจัดการงานก่อสร้างและศึกษาภาพรวม ปัญหาและอุปสรรคเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม ได้แก่ ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐ และกลุ่มผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานของหน่วยงานภาคเอกชนใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการวิจัย ประมวลผลและแสดงผลในรูปแบบของสถิติ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบที (T-test) และสถิติเปรียบเทียบ (ANOVA) ผลจากการวิจัย พบว่า การจัดลําดับตามดัชนีความรุนแรงของปัญหาของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน มุมมองหน่วยงานภาคเอกชนต่อโครงการก่อสร้างประเภทงานทางและงานอาคาร และมุมมองหน่วยงานภาคเอกชนต่อโครงการที่มีวงเงินงบประมาณแตกต่างกันเป็นดังนี้ 1) ปัญหาสํารวจ ได้แก่ ผู้ปฏิบัติงานไม่เพียงพอกับปริมาณงาน ผู้ปฏิบัติงานขาดประสบการณ์ในการทํางาน ผู้ปฏิบัติงานขาดความรู้ด้านช่าง ข้อมูลเบื้องต้นก่อนการสํารวจไม่เพียงพอ ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่มีอํานาจในการตัดสินใจ ขาดการประสานงานกับหน่วยงานอื่นและผู้ปฏิบัติงานขาดความรับผิดในการปฏิบัติงาน 2) ปัญหาการออกแบบและประมาณราคา ได้แก่ รายละเอียดของแบบและรายการประกอบแบบไม่ชัดเจน ผู้ปฏิบัติงานไม่เพียงพอกับปริมาณงาน ราคาวัสดุจากพาณิชย์จังหวัดไม่เป็นปัจจุบัน ภาวะผันผวนทางเศรษฐกิจ ค่าวัสดุและค่าแรงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและผู้ปฏิบัติงานไม่คํานึงถึงการก่อสร้างจริงและ 3) ปัญหาการควบคุมงาน ผู้ปฏิบัติงานไม่เพียงพอกับปริมาณงานแบบที่ใช้เพื่อการก่อสร้างไม่ชัดเจน ปัญหาที่เกิดจากผู้รับเหมาที่มีอิทธิพลในพื้นที่เข้ามารับงาน และการใช้วัสดุหรือวัสดุเทียบเท่าที่ใช้ในการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบความสอดคล้องของปัญหาที่ระดับนัยสําคัญทางสถิติ .05 เป็นดังนี้ปัญหาการสํารวจ ได้แก่ 1) ปัญหาผู้ปฏิบัติงานไม่เพียงพอกับปริมาณงาน ผู้ปฏิบัติงานขาดประสบการณ์ในการทํางาน ผู้ปฏิบัติงานขาดความรู้เรื่องช่าง ปัจจัยข้อมูลเบื้องต้นก่อนการสํารวจไม่เพียงพอ ผู้ใต้บังคับบัญชาไม่มีอํานาจในการตัดสินใจ ขาดการประสานงานกับหน่วยงานอื่น และผู้ปฏิบัติงานขาดความรับผิดชอบในการปฏิบัติงาน 2) ปัญหาการออกแบบและประมาณราคา ได้แก่ รายละเอียดของแบบและรายการประกอบแบบไม่ชัดเจน ค่าวัสดุและค่าแรงงานเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 3) ปัญหาการควบคุมงาน ได้แก่ ผู้ปฏิบัติงานไม่เพียงพอกับปริมาณงานแบบที่ใช้ก่อสร้างไม่ชัดเจน