Abstract:
พลังสุขภาพจิตในผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภทมีความเกี่ยวข้องกับปัจจัยปกป้องหลากหลายปัจจัยการวิจัยเชิงพรรณนาวิเคราะห์ความสัมพันธ์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพลังสุขภาพจิต และความสัมพันธ์ระหว่างการมองโลกในแง่ดี ทัศนคติของผู้ดูแลต่อผู้ป่วยจิตเภท ความสามารถของผู้ดูแลในการดูแลผู้ป่วยจิตเภท การสนับสนุนทางสังคมกับพลังสุขภาพจิตของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภท กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ดูแลหลักผู้ป่วยจิตเภทในจังหวัดนนทบุรี จํานวน 97 คน คัดเลือกด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างอย่างง่ายเก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างเดือนพฤษภาคม -กรกฏาคม พ.ศ.2559 เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย 6 ส่วน ได้แก่ แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลแบบสอบถามการมองโลกในแง่ดี แบบสอบถามทัศนคติของผู้ดูแลต่อผู้ป่วยจิตเภท แบบสอบถามความสามารถมองผู้ดูแลในการดูแลผู้ป่วยจิตเภท แบบสอบถามการสนับสนุนทางสังคมของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภท แบบสอบถามพลังสุขภาพจิต มีค่าความเชื่อมั่นสัมประสิทธิ์อัลฟาของครอนบาคเท่ากับ .89, .81, .94, .87, .89 ตามลําดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณา สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการศึกษาพบว่า ผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภทมีพลังสุขภาพจิตโดยรวมอยู่ในระดับปกติ มีค่าคะแนนเฉลี่ย 62.53 (SD = 10.85) จากการวิเคราะห์หาความสัมพันธ์พบว่า การมองโลกในแง่ดี ทัศนคติของผู้ดูแลต่อผู้ป่วยจิตเภท ความสามารถของผู้ดูแลในการดูแลผู้ป่วยจิตเภท การสนับสนุนทางสังคม มีความสัมพันธ์ทางบวกระดับปานกลางกับพลังสุขภาพจิตอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (r= .694, p<.001, r = .328, p<.05, r=.414, p<.001, r=.433, p<.001) ตามลําดับ จากผลการศึกษาแสดงถึงตัวแปรปัจจัยปกป้องที่มีผลต่อพลังสุขภาพจิตของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภท บุคลากรทางสุขภาพควรมีการส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภทได้รับปัจจัยปกป้อง เพื่อเสริมสร้างพลังสุขภาพจิต ช่วยในการบรรเทาเบาบางต่อความเครียด มีความทนทานต่ออารมณ์ทางลบเกิดขวัญและกำลังใจสามารถจัดการกับปัญหาหรือความยากลําบากในชีวิตที่เกิดขึ้น