Abstract:
จากปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไฟฟ้าตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2558-2579 โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นสาเหตุหลักของการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงมีการสนับสนุนการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเข้าสู่โครงข่ายไฟฟ้า แต่ในปัจจุบันพบว่ามีผลกระทบต่าง ๆ เกิดขึ้นทางด้านคุณภาพไฟฟ้า การสูญเสียพลังงานไฟฟ้า รวมถึงต้นทุนสนับสนุนของภาครัฐที่สูงขึ้น โดยมีแนวโน้มการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นเป็น 20% ของเชื้อเพลิงทั้งหมดที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้จัดทําแผนแม่บทในการลงทุนของโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะที่มีการลงทุนมูลค่าสูง เพื่อมารองรับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ซึ่งโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะจะสามารถลดการสูญเสียพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยได้ ส่งผลให้สามารถลดทรัพยากรที่ป้อนเข้าโครงข่ายไฟฟ้า ทําให้สามารถลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ อย่างไรก็ตามการลงทุนระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะจําเป็นต้องมีการลงทุนเพิ่ม ส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการต้นน้ำของทรัพยากรในการลงทุนเพิ่ม การวิจัยครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินเปรียบเทียบปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากวัฏจักรชีวิตของไฟฟ้าที่ผลิตตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้ าของประเทศไทยกับปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากวัฎจักรชีวิตที่ลดลง ภายหลังจากมีการเชื่อมโยงกับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ วิธีการศึกษาดําเนินการโดยคํานวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์และศึกษาจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยและต่างประเทศ จากการศึกษาพบว่าปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยรวมทั้งทางตรงและทางอ้อมในปี พ.ศ. 2579 มีค่าเท่ากับ 0.6962 kgCO2eq/ kWh เมื่อมีการเชื่อมโยงกับโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะครบถ้วน 100% จะทําให้ปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงเหลือ 0.6739 kgCO2eq/ kWh คิดเป็นสัดส่วนการลดลง 3.21%