Abstract:
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการจัดการงานก่อสร้างที่ยั่งยืนของผู้รับเหมาในจังหวัดตราด พร้อมทั้งหาระดับผลกระทบจากปัจจัยความสัมพันธ์ระหว่รางปัจจัยและเสนอแนวทางในการจัดการงานก่อสร้างที่ยั่งยืน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องในงานก่อสร้างในจังหวัดตราด จำนวน 128 คน เครื่องมือที่ใช้คือแบบสอบถาม ปัจจัยหลักที่ศึกษา 4 ปัจจัย ได้แก่ องค์ประกอบขององค์กร (X1t ) การจัดการงานก่อสร้าง (X2t ) ความเสี่ยง (X3t ) และข้อจำกัดในงานก่อสร้าง (X4t )ขณะที่มีปัจจัยย่อยทั้งหมด 28 ปัจจัย ทำการพิจารณาผลกระทบของปัจจัยที่มีผลต่อเวลาคุณภาพ งบประมาณความปลอดภัย สังคม และสิ่งแวดล้อม รวม 6 ด้าน จากผลการศึกษา พบว่า ปัจจัยที่มีโอกาสที่เกิดขึ้นและความรุนแรงในระดับมาก 4 ปัจจัย ได้แก่ สภาพคล่องทางการเงิน การขาดแรงงานที่มีความชำนาญเฉพาะ ความรู้ความสามารถของบุคลากร และความผันผวนของราคาวัสดุและค่าแรง สำหรับปัจจัยที่มีโอกาศที่เกิดขึ้นและระดับความรุนแรงในระดับปานกลาง 5 ปัจจัยได้แก่ การจัดการขยะจากงานก่อสร้างแบบรูปและรายการคลุมเครือ ระบบสารสนเทศในการจัดการงานก่อสร้างการหยุดงานเนื่องจากเทศกาลและประเพณี และการประสานงานและความร่วมมือของผู้เกี่ยวข้อง ทั้งนี้สามารถหาความสัมพันธ์ของปัจจัยที่มีผลต่อการจัดการงานก่อสร้างที่ยั่งยืนโดยรวม (Yt ) ในรูปของสมการถดถอยพหุคูณเชิงเส้น คือ Yt= 0.372+1.365X1t+1.158X2t+ 0.779X3t+0.640X4t โดยที่ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณ (R) เท่ากับ 0.895 ซึ่งมีผลกระทบมากต่องบประมาณคุณภาพ และเวลา ตามลำดับ สุดท้ายพบว่า ผู้รับเหมาก่อสร้างควรหมั่นตรวจสอบผลกระทบจากการดำเนินโครงการและให้ความสำคัญกับการจัดการงานก่อสร้างที่ยั่งยืนโดยพิจารณาแนวทางที่สำคัญ ได้แก่ ความรู้ความสามารถของบุคลากรเทคโนโลยีและเทคนิคการจัดการวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กร สภาพคล่องทางการเงิน ความปลอดภัยในการทำงาน การวางแผนงานที่ไม่เหมาะสม ความผันผวนของราคาวัสดุและค่าแรงอัตราดอกเบี้ยและระยะเวลากู้ยืมเงินความสัมพันธ์ของเนื้องานกับงวดเงิน และแรงงานที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน