Abstract:
โรคธาลัสซีเมียเป็นโรคเรื้อรังที่มีผลกระทบต่อภาวะสุขภาพของเด็ก มารดาจึงเป็นบุคคลสำคัญในการจัดการดูแลบุตรป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมียอย่างต่อเนื่องการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการจัดการของมารดาที่มีบุตรป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมียกลุ่มตัวอย่าง เป็นมารดาที่มีบุตรป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมียที่มารับบริการการรักษาที่หน่วยบริการเคมีบำบัดโรงพยาบาลรามาธิบดี จำนวน 109 คน เลือกกลุ่มตัวอย่าง โดยการสุ่มอย่างง่ายตามคุณสมบัติที่กำหนด เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแบบสอบถามการรับรู้ความรุนแรงของโรค แบบสอบถามการสนับสนุนทางสังคม และแบบสอบถามการจัดการของมารดาที่มีบุตรป่วยด้วยโรคธาลัสซีเมีย มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .93, .94 และ .82 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าความถี่ร้อยละค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน พิสัย และสถิติสหสัมพันธ์เพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่าการจัดการของมารดาด้านการใช้ชีวิตประจำวันของเด็กมีความสัมพันธ์ทางบวกกับการรับรู้ความรุนแรงของโรคและการสนับสนุนทางสังคมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (r= .202, r = .191) การจัดการของมารดาด้านความสามารถในการดูแลเด็กมีความสัมพันธ์ทางบวกกับการรับรู้ความรุนแรงของโรคระยะเวลาการเจ็บป่วยอายุและการสนับสนุนทางสังคม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (r= .188, r= .247, r= .226, r = .147) การจัดการของมารดา ด้านความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างบิดามารดามีความสัมพันธ์ทางบวกกับรายได้ของครอบครัว และการสนับสนุนทางสังคมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (r= .246, r = .168) การจัดการของมารดาด้านผลกระทบต่อครอบครัวมีความสัมพันธ์ทางลบกับการรับรู้ความรุนแรงของโรคอายุ รายได้ของครอบครัวและการสนับสนุนทางสังคมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (r= -.282, r = -.298, r= -.262, r= -.230) การจัดการของมารดาด้านความยากลำบากของครอบครัวมีความสัมพันธ์ทางลบกับการสนับสนุนทางสังคมอยางมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (r= -.261) และการจัดการของมารดา ด้านความพยายามในการดูแลเด็กมีความสัมพันธ์ทางลบกับการสนับสนุนทางสังคมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (r = -.254) จากผลการศึกษาครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่าในการออกแบบกิจกรรมส่งเสริมให้ มารดามีการจัดการดูแลบุตรควรคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องแต่ละด้าน