DSpace Repository

การหาโอกาสทางธุรกิจในการเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กพิเศษ

Show simple item record

dc.contributor.advisor สุชนนี เมธิโยธิน
dc.contributor.advisor ศรรัฐ เฮงเจริญ
dc.contributor.author กฤษณา เที่ยงบางหลวง
dc.contributor.other มหาวิทยาลัยบูรพา. วิทยาลัยพาณิชยศาสตร์
dc.date.accessioned 2023-05-12T02:51:19Z
dc.date.available 2023-05-12T02:51:19Z
dc.date.issued 2560
dc.identifier.uri https://buuir.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/6452
dc.description งานนิพนธ์ (บธ.ม.)--มหาวิทยาลัยบูรพา, 2560
dc.description.abstract การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการหาโอกาสในการเปิดธุรกิจสถานรับเลี้ยงเด็กพิเศษ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้เป็นตัวแทนจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กพิเศษ ผู้ปกครองที่มีบุตรเป็นเด็กพิเศษ และผู้ประกอบการ จำนวน 16 คน โดยใช้เครื่องมือในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์เชิงลึก นำข้อมูลมาวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค (SWOT analysis) และวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอก (PESTEL Analysis) เพื่อให้ทราบถึงแนวทางและโอกาสของการเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กพิเศษ จากการวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของการเปิดสถานรับเลี้ยงเด็ก พิเศษ คือการเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กพิเศษต้องขอใบอนุญาตจัดตั้งจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มีบุคลากรที่ความรู้ความสามารถเฉพาะทางเด็กพิเศษ และควรเตรียมการด้านเอกสาร สถานที่ความสะอาด ความปลอดภัยให้พร้อมต่อการเปิดให้บริการ ซึ่งธุรกิจสถานรับเลี้ยงเด็กพิเศษยังไม่มีในพื้นที่ที่ทำการศึกษาจึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการเริ่มธุรกิจ ทั้งนี้ยังมีอุปสรรคในเรื่องของผู้ปกครองเลือกใช้คลินิกกระตุ้นมากกว่าการนำบุตรฝากดูแลกับสถานรับเลี้ยงเด็ก ส่วนการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกของการเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กพิเศษพบว่า การเมืองไม่มีผลโดยตรงต่อการเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กพิเศษ โดยเศรษฐกิจมีผลโดยตรงต่อผู้ประกอบการ เนื่องจากในช่วงสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำผู้ปกครองไม่สามารถนำบุตรหลานเข้ามาฝากดูแลในสถานรับเลี้ยงเด็กได้เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ด้านสังคมได้เน้นถึงเรื่องการเสริมสร้างการเรียนรู้ ทักษะและการกระตุ้นให้เด็กกลุ่มนี้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ด้านเทคโนโลยีต้องคำนึงถึงเรื่อง เครื่องมือที่ทันสมัยที่สามารถนา มาช่วยในการกระตุ้นพัฒนาการ ด้านกฎหมายมีบทบาทมากในการเปิดธุรกิจ ต้องศึกษาให้ละเอียดรอบครอบถึงการคุ้มครองด้านต่าง ๆ และด้านสิ่งแวดล้อมในการเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กพิเศษควรอยู่ในบริเวณที่มีการคมนาคมสะดวก มีอากาศถ่ายเท ไม่อยู่ใกล้โรงงาน อุตสาหกรรม จะทำให้เด็กสามารถได้รับอากาศที่บริสุทธิ์และปรับตัวได้ดี
dc.language.iso th
dc.publisher วิทยาลัยพาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
dc.rights มหาวิทยาลัยบูรพา
dc.subject เด็กพิเศษ -- การดูแล
dc.subject สถานเลี้ยงเด็ก
dc.subject มหาวิทยาลัยบูรพา -- สาขาวิชาบริหารธุรกิจ สำหรับผู้บริหาร
dc.title การหาโอกาสทางธุรกิจในการเปิดสถานรับเลี้ยงเด็กพิเศษ
dc.title.alternative Fesibility for specil cee nursery business
dc.type วิทยานิพนธ์/ Thesis
dc.description.abstractalternative The present study aims to seek for the feasibility to run a special care nursery business. Sample group included 16 stakeholders—representatives from Ministry of Social Development and Human Security, specialists, parents of special children, and business owners. A set of indepth-interview questions was an instrument of this study. SWOT analysis and PESTEL analysis were conducted to examine the possibility to open a special care nursery. The findings from SWOT analysis, i.e. strengths, weaknesses, opportunities, and threats, showed that the special care nursery must be approved by the Ministry of Social Development and Human Security before opening. Specialists are needed for the nursery. Documents and venue (cleanliness and security) must be well prepared. There is no such nursery. So, it was a good opportunity to start this business. However, the threat can be the preference of parents to go to child care consultant clinic rather that to special care nursery. The analysis of PESTEL showed that politics has no effect on the business but the economy does. It has direct impact on the business owner. Under the economy downturn, many parents are not able to afford for nursery. For the society, there is an awareness to enhance learning skills and help the special children to live with others. For the technology, hi-technology can be used to stimulate the development. Besides, law has crucial influence on the business. The business owner needs to carefully study the protections identified in the law. For the environment, the special care nursery should be easy to commute and in the fresh air area. It should not be close to the industrial estates. This makes the children get fresh air and are able to adjust themselves well.
dc.degree.level ปริญญาโท
dc.degree.discipline บริหารธุรกิจ สำหรับผู้บริหาร
dc.degree.name บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต
dc.degree.grantor มหาวิทยาลัยบูรพา


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record

Search DSpace


Advanced Search

Browse

My Account