Abstract:
การวิจัย เรื่อง การศึกษาความต้องการของลูกค้าธุรกิจสีอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนาแผนธุรกิจสำหรับผู้แทนจำหน่ายสีอุตสาหกรรมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ได้กำหนดวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความต้องการของตลาดสีอุตสาหกรรม 2) ศึกษาสภาพการแข่งขันของตลาดสีอุตสาหกรรม 3) ศึกษาลักษณะกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดที่มีการใช้สีอุตสาหกรรม 4) ศึกษาส่วนประสมทางการตลาดบริการทั้ง 7 ด้าน ที่เป็นที่ต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และ 5) กำหนดแผนกลยุทธ์ธุรกิจผู้แทนจำหน่ายสีอุตสาหกรรม สำหรับโรงงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยได้ทำการวิเคราะห์ภาพรวมมูลค่าตลาด แนวโน้มการเติบโตของสีอุตสาหกรรม วิเคราะห์ปัจจัยสภาพแวดล้อม ความน่าสนใจของธุรกิจ เปรียบเทียบสมรรถนะกับคู่แข่งขัน เก็บข้อมูลหากลุ่มเป้าหมาย และความต้องการส่วนประสมทางการตลาดบริการอย่างแท้จริง เพื่อนำไปจัดทำแผนกลยุทธ์ธุรกิจผู้แทนจำหน่ายสีอุตสาหกรรม ผู้ให้ข้อมูลสำคัญแบบเจาะจง คือ ผู้ประกอบการผู้แทนจำหน่ายสีอุตสาหกรรม 3 ราย และลูกค้าธุรกิจ ทั้งผู้มีอำนาจในการตัดสินใจซื้อ และช่างผู้รับเหมา จำนวน 10 ราย ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ใช้แบบสัมภาษณ์เชิงลึก (In-Depth Interview) ในการเก็บข้อมูล และทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ (Qualitative Method)
จากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกและภายในพบว่า การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของลูกค้าธุรกิจในการเลือกซื้อสินค้าประเภทสีอุตสาหกรรม โอกาสทางธุรกิจจากการขยายตัวของโรงงานอุตสาหกรรมในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และจากการวิจัยตลาดโดยการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ประกอบการผู้แทนจำหน่ายสีอุตสาหกรรม และลูกค้าธุรกิจที่เป็นเจ้าของโรงงาน ผู้มีอำนาจในการสั่งซื้อและกลุ่มช่าง ผู้รับเหมา และ/หรือผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ พบว่าความต้องการของลูกค้าทั้ง 2 กลุ่มมีความคล้ายคลึงกัน ทั้งในส่วนความต้องการสินค้า ราคา และบริการด้านต่าง ๆ ดังนั้นกลยุทธ์การตลาดจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าธุรกิจในเรื่องความหลากหลายของสินค้าประเภทสีอุตสาหกรรม ผู้ให้บริการในร้านค้ามีความเป็นมืออาชีพ สามารถแนะนำสินค้า วิธีการใช้งาน และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้เป็นเลิศ เสริมด้วยการบริการจัดส่งที่รวดเร็ว ถึงหน้างานตามที่ลูกค้าระบุ อีกทั้งการรวมกลุ่มของพันธมิตรทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นช่าง ผู้รับเหมาก่อสร้าง เพื่อรองรับการให้บริการการจัดหาช่างไปยังหน้างานของลูกค้าโดยตรง และการรวมกลุ่มกับผู้แทนจำหน่ายสีอุตสาหกรรมรายอื่น ๆ เพื่อเพิ่มอำนาจในการต่อรองกับบริษัทผู้ผลิต รวมคำสั่งซื้อสินค้าให้ได้การประหยัดขนาด ส่งผลต่อการตั้งราคาขายที่สามารถเพิ่มกำไร และแข่งขันกับคู่แข่งขันรายอื่น ๆ ได้
กลยุทธ์การปฏิบัติการ มีการนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ควบคุมทั้งส่วนขาย สินค้าคงคลัง และการสั่งซื้อสินค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของกิจการ ในส่วนกลยุทธ์การบริหารทรัพยากรบุคคลนั้น จะให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคน เพื่อให้เกิดความสามัคคีกัน ให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น
กลยุทธ์ทางการเงิน กิจการคาดว่าจะใช้เงินในระยะลงทุนเริ่มแรกในการทำธุรกิจประมาณ 4,000,000 บาท และจากการประมาณการในกรณีสถานการณ์ปกติพบว่า โครงการนี้จะมีระยะเวลาคืนทุน (Payback Period) เท่ากับ 2 ปี 1 เดือน มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value: NPV) เท่ากับ 5,430,477 บาท และอัตราผลตอบแทน (IRR) เท่ากับ 52.37%
การประเมินแผนธุรกิจและแผนฉุกเฉิน ทั้งด้านการตลาด ด้านการดำเนินงาน ด้านการเงินเพื่อให้กิจการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง