Abstract:
การศึกษาปัจจัยทีมีความสัมพันธ์ต่อการปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์การป้องกันอันตรายจากเสียงดังของผู้ปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นการศึกษาเชิงสำรวจเพื่อศึกษา ความรู้ ความเข้าใจ ทัศนคติและการปฏิบัติที่มีต่อการใช้อุปกรณ์ป้องกันหูของผู้ปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรมและการศึกษาสภาพการทำงานของผู้ปฏิบัติงานในโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่าง ๆ กับการปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายจากเสียง โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ปฏิบัติงานที่ปฏิบัติงานอยู่ในโรงงานอุตสาหกรรม ในเขตสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์และต้องมีการปฏิบัติงานที่ต้องสัมผัสกับระดับความดังของเสียงเกินกว่า 80 เดซิเบล (เอ) จำนวน 370 คน โดยการสัมภาษณ์ ผลการศึกษาพบว่า ผู้ปฏิบัติงานส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 61.9 และหญิงร้อยละ 38.1 มีอายุระหว่าง 17-49 ปี และมีการศึกษาในระดับประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 36.0 กลุ่มตัวอย่างมีระยะเวลาของการทำงานนานมาแล้วเฉลี่ย 4.62 ปี และมีระยะเวลาทำงานเฉลี่ยในแต่ละวัน 8.27 ชั่วโมง ซึ่งต้องมีการสัมผัสเสียงดังในแต่ละวัน 7.46 ชั่วโมง มีการใช้อุปกรณ์ป้องกันหูในขณะทำงานทุกครั้ง ร้อยละ 41.4 ใช้เป็นบางครั้ง ร้อยล่ะ 31.4 และไม่ใช้ร้อยละ 27.3 เฉพาะในกลุ่มผู้ไม่ใช้อุปกรณ์ป้องกันหูในขณะปฏิบัติงานให้เหตุผลไม่ใช้ คือใช้แล้วอึดอัด รำคาญพูดคุยไม่รู้เรื่อง หรือเกิดอาการแพ้ เจ็บหู ถึงร้อยละ 52.5 และที่ใช้อุปกรณ์ป้องกันหู ส่วนมากเป็นที่อุดหู ร้อยละ84.0 ที่ใช้เพราะกลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับหู ถึงร้อยละ 95.5 และการปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ พบว่า มีการใช้อุปกรณ์ป้องกันหูตลอดเวลาที่มีการสัมผัสเสียงดังในโรงงานเพียงร้อยละ 67.3 และกลุ่มตัวอย่างมีการดูแลรักษาอุปกรณ์ป้องกันอันตรายหู ร้อยละ 82.9 ของผู้ที่มีการใช้อุปกรณ์ป้องกันหู สำหรับในเรื่องการอบรม พบว่า ร้อยละ 44.6 เคยได้รับการอบรมเรื่องอันตรายและการป้องกันอันตรายอันเนื่องจากเสียง และพบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการใช้อุปกรณ์ป้องกันหู ได้แก่ เพศ กลุ่มอายุ รายได้ต่อเดือน การได้รับการอบรมเรื่องอันตรายและการป้องกันอันตรายเนื่องมาจากเสียง การอบรมการใช้อุปกรณ์ป้องกันหู การมีข้อกำหนดหรือระเบียบข้อบังคับให้กับพนักงานใส่อุปกรณ์ป้องกันหู การจัดบริการตรวจสมรรถภาพการสได้ยินเสียงของพนักงานประจำปีและการมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ป้องกันหู และจากการศึกษานี้มีข้อเสนอแนะ คือ ควรมีการศึกษาเปรียบเทียบหรือหาความสัมพันธ์และ/หรือการศึกษาหารูปแบบการทำนายระหว่างการสูญเสียการได้ยินที่เกิดจากเสียงในการทำงานกับการใช้อุปกรณ์ป้องกันหู และควรมีการศึกษารูปแบบหรือวิธีการที่จะทำให้ผู้ปฏิบัติงานที่ทำงานสัมผัสเสียงดังมีการยอมรับการใช้อุปกรณ์ป้องกันหูมากขึ้น นอกจากนี้ ควรศึกษาวิจัยหารูปแบบหรือหลักสูตรสำหรับการเผยแพร่ความรู้ถึงอันตรายของเสียงและการใช้อุปกรณ์ป้องกันหูเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานได้เกิดความตระหนักเห็นความสำคัญและได้ใช้อุปกรณ์ป้องกันหูอย่างถูกต้องยิ่งขึ้น