DSpace Repository

ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการฟื้นฟูสภาพปอดในผู้ป่วยบาดเจ็บทรวงอกที่ใส่ท่อระบายทรวงอก

Show simple item record

dc.contributor.author กัลชนา ศรีพรหม
dc.contributor.author นิภาวรรณ สามารถกิจ
dc.contributor.author เขมารดี มาสิงบุญ
dc.contributor.other มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะพยาบาลศาสตร์
dc.date.accessioned 2021-06-14T02:03:56Z
dc.date.available 2021-06-14T02:03:56Z
dc.date.issued 2563
dc.identifier.uri http://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/4123
dc.description.abstract ผู้ป่วยบาดเจ็บทรวงอกที่ใส่ท่อระบายทรวงอกที่มีพฤติกรรมการฟื้นฟูสภาพปอดที่ไม่เหมาะสมจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดแฟบ ปอดติดเชื้อได้ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอาการปวด ความวิตกกังวล และความรู้เกี่ยวกับการฟื้นฟูสภาพปอดกับพฤติกรรมการฟื้นฟูสภาพปอดในผู้ป่วยบาดเจ็บทรวงอกที่ใส่ท่อระบายทรวงอก กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยบาดเจ็บทรวงอกที่ได้รับการใส่ท่อระบายทรวงอกที่เข้าพักรักษา ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จำนวน 84 ราย เก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างเดือนมีนาคม ถึง ธันวาคม 2561 เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามอาการปวด แบบสอบถามความวิตกกังวล แบบสอบถามพฤติกรรมการฟื้นฟูสภาพปอด แบบสอบถามความรู้เกี่ยวกับการฟื้นฟูสภาพปอด วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนาและสถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีคะแนนเฉลี่ยอาการปวดในระดับน้อย (M = 4.72, SD = 1.67) คะแนนเฉลี่ยความวิตกกังวลในระดับต่ำ (M = 7.19, SD = 4.21) คะแนนเฉลี่ยความรู้เกี่ยวกับการฟื้นฟูสภาพปอดในระดับต่ำ (M = 11.00, SD = 4.54) และมีคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการฟื้นฟูสภาพปอดในระดับปานกลาง (M = 30.27, SD = 7.59) อาการปวดและความวิตกกังวลมีความสัมพันธ์ทางลบกับพฤติกรรมการฟื้นฟูสภาพปอดในผู้ป่วยบาดเจ็บทรวงอกที่ใส่ท่อระบายทรวงอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = -.34, p < .05; r = -.21, p < .01 ตามลำดับ) ส่วนความรู้เกี่ยวกับการฟื้นฟูสภาพปอดไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการฟื้นฟูสภาพปอดในผู้ป่วยบาดเจ็บทรวงอกที่ใส่ท่อระบายทรวงอก (r = .06, p >.05) ผลจากการศึกษาครั้งนี้เสนอแนะว่า บุคลากรสุขภาพควรมีการประเมินอาการปวดและความวิตกกังวล และการจัดการอาการปวดและความวิตกกังวลให้มีประสิทธิภาพในระยะเฉียบพลัน เพื่อส่งเสริมให้ผู้ป่วยบาดเจ็บทรวงอกที่ใส่ท่อระบายทรวงอกมีพฤติกรรมการฟื้นฟูสภาพปอดที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง th_TH
dc.language.iso th th_TH
dc.publisher คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา th_TH
dc.subject ผู้ป่วย -- การฟื้นฟูสมรรถภาพ th_TH
dc.subject ปอด -- โรค -- การรักษา th_TH
dc.subject การฟื้นฟูสมรรถภาพ th_TH
dc.subject ทรวงอก -- บาดแผลและบาดเจ็บ th_TH
dc.subject สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ th_TH
dc.title ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการฟื้นฟูสภาพปอดในผู้ป่วยบาดเจ็บทรวงอกที่ใส่ท่อระบายทรวงอก th_TH
dc.title.alternative Factors related to lung rehabilitation behavior in chest trauma patients with intercostal chestdrainage en
dc.type Article th_TH
dc.issue 1 th_TH
dc.volume 28 th_TH
dc.year 2563 th_TH
dc.description.abstractalternative Chest trauma patients with intercostal chest drainage who have ineffective lung rehabilitation behavior are at risk for lung atelectasis and infections. This research aimed to examine relationships among pain, anxiety, knowledge and lung rehabilitation behavior in chest trauma patients with intercostal chest drainage. Sample were 84 chest trauma patients with intercostal chest drainage from Sappasitthipasong Ubonratchathani hospital. Data were collected from March to December 2018. Research instruments included personal information record form, pain questionnaire, anxiety subscale of hospital anxiety and depression Scale [HADS-A], knowledge about lung rehabilitation and lung rehabilitation behavior questionnaires. Descriptive statistics and Pearson’s product moment correlation coefficient were used to analyze data. The results revealed that samples had low level of pain, anxiety, and knowledge about lung rehabilitation (M = 4.72, SD = 1.67; M = 7.19, SD = 4.21; M = 11.00, SD = 4.21 respectively), and moderate level of lung rehabilitation behavior (M = 30.27, SD = 7.59). There was significantly negatively correlation between pain and anxiety with lung rehabilitation behavior. (r = -.34, p <.01, r = -.22, p <.05 respectively). There was no association between knowledge of lung rehabilitation and lung rehabilitation behavior (r = .06, p >.05). The findings suggested that healthcare providers should assess pain and anxiety and provide effective pain and anxiety management in acute phase in order to enhance continuity of effective lung rehabilitation behavior in chest trauma patients with intercostal chest drainage. en
dc.journal วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา th_TH
dc.page 83-94. th_TH


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record

Search DSpace


Advanced Search

Browse

My Account