Abstract:
การศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนปัญหาการจัดตั้งโรงงานการจัดของเสียอันตรายในภาคตะวันออกที่ผ่านมา และศึกษาการขยายตัวของปัญหาขยะของเสียอันตรายจากโรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดฉะเชิงเทรา รวมทั้งนำเสนอมาตรการในการจัดการขยะของเสียอันตรายจากโรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยใช้วิธีวิทยาการศึกษาประวัติศาสตร์เชิงโครงสร้างอยู่ภายใต้ฐานคิดที่สาคัญ 2 ประการ คือ การศึกษาสังคมโดยอาศัยหลักวิภาษวิธีและการศึกษาสังคมแนวสหวิทยาการแบบข้ามพ้นสาขาวิชา ผลการศึกษาพบว่า ปัญหาการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมมีความรุนแรงมากเป็นพิเศษในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออก ซึ่งมีโรงงานอุตสาหกรรมหนาแน่น มีการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออกและจังหวัดใกล้เคียงกว่า 40 แห่ง หลายพื้นที่กลายเป็นที่รองรับขยะอุตสาหกรรม ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยรอบ เฉพาะในเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา มีพื้นที่ซึ่งพบการลักลอบนำกากอุตสาหกรรมจากนิคมอุตสาหกรรมและโรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดชลบุรี มาลักลอบทิ้งอย่างน้อย 11 จุด ในเขตอำเภอพนมสารคาม และอำเภอแปลงยาว ทำให้ชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อนต้องรวมตัวกันประท้วงโรงงานรับบำบัดและกำจัดของเสียในพื้นที่ จนนำไปสู่การลักลอบสังหารแกนนำชุมชนที่ตำบลหนองแหน การขยายตัวของปัญหาขยะของเสียอันตรายจากโรงงานอุตสาหกรรมในช่วง พ.ศ. 2558 2560 ที่ผ่านมา พบว่า รัฐบาลมีเป้าหมายในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่และอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล เป็นผลให้รัฐบาลได้ออกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติออกประกาศต่าง ๆ เพื่อเป็นการยกเว้นกฎหมายที่เป็นข้อขัดข้องหรืออุปสรรคจากข้อกำหนดทางกฎหมาย เช่น มีคาสั่งให้ยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมือง เป็นต้น ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นยังมีปัญหาการกำกับดูแลไม่ให้โรงงานก่อมลพิษจนเป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่รอบและใกล้เคียงกับโรงงาน ซึ่งจากการศึกษามีข้อเสนอมาตรการในการจัดการขยะของสียอันตรายจากโรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดฉะเชิงเทรา 3 ประการ คือ (1) กาหนดให้นิคมอุตสาหกรรมแต่ละนิคมมีศูนย์รับบำบัดและกำจัดของเสียอุตสาหกรรมประจำนิคมอุตสาหกรรม เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการขนย้ายกากของเสียอุตสาหกรรมออกนอกพื้นที่ (2) จัดการปัญหาการทิ้งขยะอุตสาหกรรมปนกับขยะชุมชน เพื่อหลีกเลี่ยงการขนย้ายขยะอุตสาหกรรมมาทิ้งปะปนกับขยะชุมชน และ (3) สนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการใช้พระราชบัญญัติการสาธารณสุขฯ ในการกำกับดูแลบ่อขยะชุมชนและการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทั้งในส่วนที่เป็นกิจการโรงงานและร้านรับซื้อของเก่า