Abstract:
โครงการการพัฒนาแบบจำลองเพื่อคาดการ์ณผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ส่งผลต่อคุณภาพน้ำในระบบลุ่มน้ำของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกมีวัตถุประสงค์ 2 ประการ ได้แก่ 1) เพื่อจำแนกและคาดการณ์การใช้ที่ดินในลุ่มน้ำเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และ 2) เพื่อสร้างแบบจำลองและคาดการณ์คุณภาพน้ำผิวดินจากการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินโดยใช้การรับรู้จากระยะไกลในลุ่มน้ำเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ผลการศึกษาพบว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกถูกใช้เป็นพื้นที่เกษตรกรรม รองลงมาเป็นพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่อยู่ชุมชนและสิ่งปลูกสร้าง พื้นที่เบ็ดเตล็ด และพื้นที่แหล่งน้ำ ตามลำดับ โดยในช่วงปี พ.ศ.2550-2555 เกิดการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินจากพื้นที่ป่าไม้เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งส่งผลให้พื้นที่ป่า และพื้นที่ชุมชนและสิ่งปลูกสร้าง มีขนาดลงลง และถูกแทนที่ด้วยพื้นที่แหล่งน้ำที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของบ่อน้ำสำหรับไว้ใช้ในการเกษตรและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ส่วนช่วงพ.ศ. 2555-2560 พบว่า พื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่ป่าไม้มีขนาดลดลงในขณะที่พื้นที่ชุมชนและสิ่งปลูกสร้างมีขนาดเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของพื้นที่อุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคตะวันออก ในขณะที่ข้อมูลการคาดการณ์การใช้ที่ดินในอนาคต พ.ศ.2580 สะท้อนให้เห็นว่า พื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่ป่าไม้ และพื้นที่แหล่งน้ำมีแนวโน้มลดลง ในขณะที่พื้นที่เบ็ดเตล็ด และพื้นที่ชุมชนและสิ่งปลูกสร้างมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ สถานการณ์การลดลงของพื้นที่ป่าไม้และการเพิ่มขึ้นของพื้นที่อุตสาหกรรม ส่งผลให้ปริมาณขององค์ประกอบสมดุลน้ำเกิดการเปลี่ยนแปลง รวมถึงปริมาณน้ำท่าทั้งรายเดือนและรายปีมีแนวโน้มลดลง
สำหรับการคาดการณ์คุณภาพน้ำผิวดินในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ผู้วิจัยได้แบ่งลุ่มน้ำในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกออกเป็น 3 ลุ่มน้ำ คือลุ่มน้ำบางปะกง ลุ่มน้ำสาขาคลองใหญ่ และลุ่มน้ำสาขาประแสร์ และทำการคาดการณคุณภาพน้ำผิวดินด้วยแบบจำลองทางอุทกวิทยา (Soil and Water Assessment Tool: SWAT) และนำเข้าข้อมูลการใช้ที่ดิน พ.ศ. 2550 และ 2560 สำหรับสอบเทียบและตรวจพิสูจน์แบบจำลอง โดยใช้ข้อมูลปริมาณน้ำท่ารายวันจากสถานีตรวจวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำ ซึ่งคือสถานี KGT.3 สำหรับลุ่มน้ำบางปะกง, สถานี Z.62 สำหรับลุ่มน้ำสาขาคลองใหญ่ และสถานี Z.11 สำหรับลุ่มน้ำสาขาประแสร์จากการสอบเทียบและการตรวจพิสูจน์แบบจำลอง พบว่า แบบจำลอง SWAT ให้ผล
การจำลองปริมาณน้ำท่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าเชื่อถือ โดยพิจารณาความถูกต้องของแบบจำลองจากค่า
สัมประสิทธิ์การตัดสินใจ (R2) และค่า Nash-Sutcliffe Efficiency (NSE) โดยผลการจำลองปริมาณ
น้ำท่า ณ สถานี KGT.3 Z.62 และ Z.11 ให้ค่า R2 และค่า NSE อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ทางสถิติ และ
สำหรับการคาดการณ์ปริมาณน้ำท่าจากการใช้ที่ดินในปี พ.ศ. 2580 พบว่า ปริมาณน้ำท่ามีแนวโน้ม
เพิ่มขึ้น เนื่องมาจากการปรับเปลี่ยนพื้นที่เกษตรกรรม เป็นที่อยู่อาศัยและสิ่งปลูกสร้างมากขึ้น ซึ่งมีผล
มาจากความสัมพันธ์ของการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างมีนัยสำคัญ โดยพบว่า เมื่อพื้นที่
ป่าไม้ลดลง ส่งผลให้ปริมาณน้ำท่าเพิ่มมากขึ้น และถ้าพื้นที่ป่าไม้เพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้ปริมาณน้ำท่า
ลดลง โดยผลการศึกษานี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการคาดการณ์ปริมาณน้ำท่าในพื้นที่ลุ่มน้ำเขต
พัฒนาพิเศษภาคตะวันออกภายใต้การเลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการใช้ที่ดินในอนาคต เพื่อใช้
เป็นข้อมูลประกอบการวางแผนจัดการพื้นที่ลุ่มน้ำเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกในอนาคตต่อไป