Abstract:
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้ ทัศนคติ และความต้องการการคลอดธรรมชาติของหญิงตั้งครรภ์ ครอบครัว และผู้ให้บริการ กลุ่มตัวอย่างคือ หญิงตั้งครรภ์และครอบครัวที่มารับบริการในโรงพยาบาลระยอง จำนวน 370 คน และผู้ให้บริการด้านสูติกรรมของโรงพยาบาลระยอง จำนวน 47 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแบบบันทึกข้อมูลทั่วไปแบบวัดความรู้เกี่ยวกับการคลอดธรรมชาติ แบบวัดทัศนคติเกี่ยวกับการคลอดธรรมชาติ แบบสอบถามความต้องการการคลอดธรรมชาติ และแบบสอบถามปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการให้บริการการคลอดธรรมชาติ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ผลการศึกษาวิจัย พบว่า
1. หญิงตั้งครรภ์มีคะแนนเฉลี่ยความรู้ ทัศนคติ และความต้องการการคลอดธรรมชาติ โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง (X¯= 22.73 SD = 3.24, X¯119.18 SD = 8.49 และ X¯= 88.33 SD= 7.74 ตามลำดับ) เมื่อพิจารณาอิทธิพลของความรู้และทัศนคติที่มีต่อความต้องการมีส่วนร่วมของ
สามีในการส่งเสริมการคลอดวิถีธรรมชาติ พบว่า ความรู้และทัศนคติสามารถร่วมกันพยากรณ์ความต้องการมีส่วนร่วมของสามีในการส่งเสริมการคลอดวิถีธรรมชาติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 โยสามารถอธิบายความแปรปรวนของความต้องการมีส่วนร่วมของสามีในการส่งเสริมการคลอดวิถีธรรมชาติได้ร้อยละ 34.5
2. ครอบครัวของหญิงตั้งครรภ์มีคะแนนเฉลี่ยความรู้ ทัศนคติ และความต้องการการคลอดธรรมชาติโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง(X¯= 22.78SD = 3.279, X¯= 119.47 SD = 8.506 และ X¯= 89.23 SD = 8.035ตามลำดับ) เมื่อพิจารณษอิทธิพลของความรู้และทัศนคติที่มีต่อความต้องการมีส่วนร่วมของสามีในการส่งเสริมการคลอดวิถีธรรมชาติ พบว่า ความรู้และทัศนคติสามารถร่วมกันพยากรณ์ความต้องการมีส่วนร่วมของสามีในการส่งเสริมการคลอดวิถีธรรมชาติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยสามารถอธิบายความแปรปรวนของความต้องการมีส่วนร่วมของสามีในการส่งเสริมการคลอดวิถีธรรมชาติได้ร้อยละ 19.3
3. ผู้ให้บริการมีคะแนนเฉลี่ยคสามรู้ ทัศนคติ และความต้องการการคลอดธรรมชาติโดยรวมอยู่ในระดับสูง(X¯= 28.94 SD = 3.54,X¯= 138.34SD = 13.60 และ
X¯= 95.53 SD = 6.18 ตามลำดับ)
ผลการศึกษานี้นำมาซึ่งข้อมูลสำคัญเพื่อใช้ในการพัฒนาในการพัฒนารูปแบบให้บริการคลอดวิถีธรรมชาติโดยเน้นการมีส่วนร่วมของสามีที่ตอบสนองความต้องการของสามี