Abstract:
การวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษารูปแบบการดูแลความสุขสบายในการดูแลแบบประคับประคองภาวะสุขภาพสำหรับผู้ที่อยู่ในระยะท้ายของชีวิต ในระยะที่ 1 ซึ่งเป็นการศึกษาแบบผสมผสาน-การตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความสุขสบายและความไม่สุขสบายใน 4 บริบท (ด้านร่างกาย ด้านจิตใจ-จิตวิญญาณ ด้านสังคม-วัฒนธรรมและด้านสิ่งแวดล้อม) ของผู้ป่วยที่อยู่ในระยะท้ายของชีวิต และ 2) เพื่อศึกษาความสุขสบายของ สมาชิกครอบครัวผู้ดูแล กลุ่มตัวอย่างมี 2 กลุ่มแบบคู่ ได้แก่ 1) ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะท้ายของชีวิต (ผู้ป่วยที่แพทย์ลงความเห็นว่ามีการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังอย่างน้อย 1 โรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้และการเจ็บป่วยอยู่ในระยะท้ายของชีวิตซึ่งประเมินได้จากผลคะแนนที่ได้จากการประเมินความ
ต้องการการดูแลแบบประคับประคอง < 60 คะแนน) และ 2) สมาชิกครอบครัวผู้ดูแลผู้ป่วยที่อยู่ในระยะท้ายของชีวิต (ที่ทำหน้าที่รับผิดชอบหลักในการดูแลผู้ป่วยที่อยู่ในระยะท้ายของชีวิตในขณะที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล) ได้ถูกคัดเลือกตามเกณฑ์ที่กำหนด จำนวน 300 คู่ จาก 3 โรงพยาบาล เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมีจำนวน 6 ฉบับ ได้แก่ 1) แบบประเมินความต้องการการดูแลแบบประคับประคองภาวะสุขภาพ 2) แบบสถอบถามข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยที่อยู่ในระยะท้ายของชีวิต 3) แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิกครอบครัวผู้ดูแล 4) แบบสอบถามความสุขสบายของผู้ป่วยอยู่ในระยะท้ายชีวิต 5) แบบสอบถามความสุขสบายสมาชิกครอบครัวผู้ดูแลและ 6) แบบสัมภาษณ์ความไม่สบายของผู้ป่วยที่อยู่ในระยะท้ายของชีวิต ข้อมูลที่ถูกนำมาวิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงพรรณนา (ข้อมูลจากเครื่องมือที่ 1-5) และสรุปและจับประเด็นเนื้อหา (ข้อมูลจากเครื่องมือที่ 6) ผลการศึกษาพบว่า คามสุขสบายของกลุ่มตัวอย่างผู้ที่อยู่ในระยะท้ายของชีวิตอยู่ในระดับ
ปานกลาง (X = 4.11, SD = 0.58) และความสุขสบายของกลุ่มตัวอย่างสมาชิกครอบครัวผู้ดูแลอยู่ในระดับปานกลางเช่นกัน (X = 3.92, SD = 0.47) ส่วนความไม่สุขสบาย ทั้ง 4 บริบทของกลุ่มตัวอย่างผู้ที่ในระยะท้ายของ
ชีวิตที่พบมากและมีความรุนแรงมาก ได้แก่ ด้านร่ายกาย-ความปวด ด้านจิตใจ-จิตวิญญาณ-วิตกกังวลเกี่ยวกับ
ความเจ็บป่วย และปัญหาเศรษฐกิจ ด้านสังคม-วัฒนธรรม-มีความห่วงใยบุคคลในครอบครัว และด้านสิ่งแวดล้อม-เสียงดังภายในหอ/ ห้องผู้ป่วย
สรุปได้ว่า ผู้ที่อยู่ในระยะท้ายของชีวิตและสมาชิดครอบครัวผู้ดูแลยังต้องการการส่งเสริมความสุขสบายทั้ง 4 บริบทขณะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล พยาบาลควรจะมีความรู้และความเข้าใจแนวคิด/ทฤษฎีเรื่องความสุขสบายเพื่อให้มีศักยภาพเพียงพอในการให้การพยาบาลความสุขสบายแก่ผู้ที่อยู่ในระยะท้ายของชีวิตและสมาชิกครอบครัวผู้ดูแลให้มีความสุขสบายมากที่สุด