Abstract:
การวิจัยเรื่องการนำความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยบูรพา เพื่อเพิ่มศักยภาพ ภาคอุตสาหกรรม ประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลักคือ (1) สร้างระเบียบมหาวิทยาลัยบูรพา ว่าด้วยการสนับสนุนผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัยไปปฏิบัติงานในภาคอุตสาหกรรมหรือภาคธุรกิจเอกชน (Talent Mobility) พ.ศ.2562 (2) กิจกรรมการอบรมและเสวนากลุ่ม อาจารย์และบุคลากรภายในมหาวิทยาลัยบูรพา จำนวน 30 คน และ (3) กิจกรรมกรอกแบบสอบถามจากอาจารย์และบุคลากรที่ให้ความสนใจโครงการ Talent Mobility จำนวน 100 คน เกี่ยวกับการนำผลงานวิจัยในสถาบันอุดมศึกษาไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ และนำข้อมูลมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติเชิงพรรณนำ ได้แก่ ค่าร้อยละ (Percent) และค่าเฉลี่ย (Mean) ซึ่งค่าเฉลี่ยที่ใช้มีการจัดระดับความสำคัญจากค่าน้อยสุดถึงสูงสุด 5 ระดับ ได้แก่ ระดับ 1 คะแนน 1.00-1.80 ระดับ 2 คะแนน 1.81-2.60 ระดับ 3 คะแนน 2.61-3.40
ระดับ 4 คะแนน 3.41-4.20 และระดับ 5 คะแนน 4.21-5.00 จากการวิจัย ได้ยกร่างระเบียบมหาวิทยาลัยบูรพา ว่าด้วยการสนับสนุนผู้ปฏิบัติงานในมหาวิทยาลัยไปปฏิบัติงานในภาคอุตสาหกรรมหรือภาคธุรกิจเอกชน (Talent Mobility) พ.ศ.2562 มีผู้เข้ารับการอบรมส่วนมากมาจากคณะวิทยาศาสตร์ 26.67%
ตามด้วยคณะเทคโนโลยีการเกษตร (13.34%) ส่วนผู้ให้ความสนใจโครงการ Talent Mobility มากที่สุดมาจากคณะวิทยาศาสตร์ (29.10%) ตามด้วยจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ (10.47%) โดยผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้เกี่ยวกับหัวข้อที่อบรมสูงขึ้น ก่อนการเข้าร่วมโครงการผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้เกี่ยวกับหัวข้อที่อบรมทั้งหมด 2.74 คะแนน (x= 2.74) และหลังจากการอบรมแล้วผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้เกี่ยวกับหัวข้อที่อบรมทั้งหมดสูงขึ้น (x = 4.69) ซึ่งแสดงถึงอิทธิพลของการอบรมว่ามีผลต่อการเพิ่มพูนความรู้ของ
ผู้เข้ารับการอบรมมากขึ้น กล่าวคือ เข้าใจระบบการทำงานวิจัยและการพัฒนาร่วมกันกับองค์กรธุรกิจและอุตสาหกรรม (x= 4.53) อีกทั้งยังสามารถพัฒนาทักษะการเรียนรู้ และการทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ (x = 4.77) เข้าใจเกี่ยวกับการใช้เครือข่ายงานวิจัยเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม (x = 4.56) เข้าใจแนวทางในการสร้างเครือข่ายงานวิจัย (x = 4.50) เข้าใจลึกซึ้งในวัฒนธรรมองค์กรธุรกิจและอุตสาหกรรม (x = 4.82) และวิธีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการตลาดได้ (x = 4.59) ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญาที่มีต่อการทำงานร่วมกับภาคเอกชน (x = 4.82) และสามารถนำทรัพย์สินทางปัญญาไปใช้ร่วมกับภาคเอกชน (x = 4.56) และผลจากการเสวนากลุ่ม เกี่ยวกับการนำผลงานวิจัยในสถาบันอุดมศึกษาไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ พบว่า มหาวิทยาลัยยังขาดการประชาสัมพันธ์และการสร้างความรับรู้เกี่ยวกับองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่มีในมหาวิทยาลัยให้ภาคเอกชน มหาวิทยาลัยไม่มีฐานข้อมูลความเชี่ยวชาญของอาจารย์/ นักวิจัยอย่างชัดเจนที่เป็นระบบออนไลน์ ภาคเอกชนเข้าถึงอาจารย์/ นักวิจัยของมหาวิทยาลัยต้องใช้ระยะเวลา
และกระบวนการหลายขั้นตอน อีกทั้งมหาวิทยาลัยมีกฎระเบียบในการทำวิจัยร่วมกับภาคเอกชน ที่ซึ่งระเบียบไม่เอื้อต่อการปฏิบัติงานจริง