DSpace Repository

การศึกษาสมรรถนะ การปล่อยสารมลพิษ และการสึกหรอของเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กที่ใช้น้ำมันดีเซลผสมแอนไฮดรัสเอทานอล และสารอีมัลซิไฟเออร์ต่าง ๆ

Show simple item record

dc.contributor.author เอกชัย สุธีรศักดิ์
dc.contributor.other มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะวิศวกรรมศาสตร์
dc.date.accessioned 2020-03-09T04:19:14Z
dc.date.available 2020-03-09T04:19:14Z
dc.date.issued 2559
dc.identifier.uri http://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/3802
dc.description.abstract สารมลพิษต่าง ๆ จากแก๊สไอเสียของเครื่องยนต์ดีเซล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คาร์บอนมอนอกไซด์ ไฮโดรคาร์บอนและควันดำ ทำให้เกิดสภาวะแวดล้อมที่เป็นพิษ และนำไปสู่อันตรายของระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ เพื่อลดการปลดปล่อยสารมลพิษเหล่านี้ การพัฒนาคุณภาพของน้ำมันดีเซล โดยการเพิ่มสารเติมออกซิเจนกลายเป็นทางเลือกหนึ่ง ซึ่งกำลังได้รับความสนใจในปัจจุบัน ขณะที่แอนไฮดรัสเอทานอล มีองค์ประกอบของออกซิเจนและถูกผลิตจากพืชเกษตรต่าง ๆ ในประเทศไทยแต่มีช่วงเวลาสั่นสำหรับการผสมเป็นเนื้อเดียวกันกับน้ำมันดีเซล เพื่อเพิ่มความเป็นเนื้อเดียวกันระหว่างน้ำมันดีเซลและเอทานอล การใช้สารอีมัลซิไฟเออร์ต่าง ๆ เพื่อลดแรงตึงผิวของน้ำมันดีเซลและเอทานอลโดยวิธีอิมัลชั่น กลายเป็นกุญแจสำคัญซึ่งนำไปสู่การปรับปรุงคุณภาพของน้ำมันดีเซล ดังนั้น วัตถุประสงค์หลักของการวิจัยนี้ เป็นการนำเสนอเกี่ยวกับการศึกษาคุณสมบัติทางกายภาพต่าง ๆ ของน้ำมันดีเซลผสมกับแอนไฮดรัสเอทานอลและสารอิมัลซิไฟเออร์ต่าง ๆ ได้แก่ เอทิลอะซิเตท เอ็น-บิวทานอล และไบโอดีเซล เทียบกับน้ ามันดีเซล การตรวจสอบการฉีดและการสเปรย์น้ ามันเชื้อเพลิง และการวิเคราะห์สมรรถนะ การปล่อยสารมลพิษต่าง ๆ และการสึกหรอของเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กแบบฉีดตรง หนึ่งสูบ สี่จังหวะ ซึ่งถูกเชื่อมต่อกับเจนเนอร์เรเตอร์ขนาด 5 กิโลวัตต์เพื่อการทดสอบที่ความเร็วรอบและภาระงานทางไฟฟ้าต่าง ๆ ในระยะเวลาทั้งหมด 500 ชั่วโมง ผลการตรวจสอบคุณสมบัติทางกายภาพของน้ำมันดีเซลผสมกับแอนไฮดรัสเอทานอลและสารอิมัลซิไฟเออร์ต่าง ๆ ได้แก่ เอทิลอะซิเตท เอ็น-บิวทานอล และไบโอดีเซล แสดงให้เห็นว่า น้ำมันดีเซลผสมกับแอนไฮดรัสเอทานอลและเอทิลอะซิเตท (DEE) และน้ำมันดีเซลผสมกับแอนไฮดรัสเอทานอลและเอ็น-บิวทานอล (DEB) ไม่มีการแยกชั้นของน้ำมันดีเซลผสมกับแอนไฮดรัสเอทานอลนานถึง 6 เดือน ในทางตรงกันข้าม น้ำมันดีเซลผสมกับแอนไฮดรัสเอทานอลและไบโอดีเซล (DEBi) มีความไม่เป็นเนื้อเดียวกันหลัง 2 เดือน นอกจากนี้ น้ำมัน DEE, DEB และ DEBi มีค่าความหนาแน่น ค่าความหนืด ค่าจุดวาปไฟ และค่าความร้อนต่ำกว่าน้ำมันดีเซลโดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำมัน DEE มีคุณสมบัติทางกายภาพต่ำกว่าน้ำมัน DEB และ DEBi อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติทางกายภาพของน้ำมันเหล่านี้ อยู่ในขอบเขตของมาตรฐานน้ำมันดีเซลตามประกาศกรมธุรกิจพลังงาน และสามารถถูกประยุกต์ใช้สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลต่าง ๆ สำหรับการวิเคราะห์คุณลักษณะต่าง ๆ ของการฉีดและการสเปรย์น้ำมัน DEE, DEB และ DEBi ภายในชุดทดสอบระบบการฉีดเชื้อเพลิงแบบรางร่วม ซึ่งติดตั้งกับห้องจำลองการฉีดและการสเปรย์น้ำมันเชื้อเพลิงนั้นการใช้น้ำมัน DEE, DEB และ DEBi ส่งผลให้ความดันต่าง ๆ ของระบบการฉีดเชื้อเพลิง (ได้แก่ ความดันของน้ำมันเชื้อเพลิงก่อนเข้าท่อรางร่วม ความดันท่อรางร่วม ความดันท่อน้ำมันแรงดันสูง และความดันของการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง) ต่ำกว่าการใช้น้ำมันดีเซล เนื่องจากน้ำมันเหล่านี้ มีค่าความหนาแน่น และความหนืดต่ำกว่าน้ำมันดีเซล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้น้ำมัน DEE นำไปสู่การลดลงอย่างมากของความดันต่าง ๆ ของระบบการฉีดเชื้อเพลิง และอาจก่อให้เกิดความเสียหายกับระบบการฉีดเชื้อเพลิงนี้ขณะที่ผลลัพธ์ต่าง ๆ ของการทดสอบการสเปรย์น้ำมัน DEE, DEB และ DEBi แสดงให้เห็นว่า มีการแตกกระจายของละอองน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าและการระเหยกลายเป็นไอรวดเร็วกว่าการสเปรย์น้ำมันดีเซล ผลลัพธ์ที่ตามมา การสเปรย์น้ำมัน DEE, DEB และ DEBi มีมุมสเปรย์มากกว่า และความยาวจริงของการสเปรย์สั้นกว่าการสเปรย์น้ำมันดีเซล ในกรณีของการตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์ และสมรรถนะและการปล่อยสารมลพิษต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ ที่ความเร็วรอบและภาระงานทางไฟฟ้าต่างๆ ในระยะเวลา 200 ชั่วโมง พบว่า อุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซล เมื่อใช้น้ ามัน DEE, DEB และ DEBi มีค่าใกล้เคียงกับการใช้น้ำมันดีเซล แต่อุณหภูมิแก๊ส ไอเสียจากการใช้น้ำมันเหล่านี้ถูกเปลี่ยนแปลงไป ขณะที่งานวิจัยนี้ ค้นพบว่า การใช้น้ำมัน DEB มีประสิทธิภาพทางความร้อนสูงกว่าการใช้น้ำมัน DEE, DEBi และดีเซล นอกจากนี้ การใช้น้ำมัน DEBi และ DEE มีสมรรถนะของเครื่องยนต์ต่ำกว่า และมีความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงกว่าการใช้น้ำมันดีเซล ในทุกความเร็วรอบและทุกภาระงาน ยิ่งไปกว่านั้น การใช้น้ำมัน DEE มีความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงสุด เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้น้ำมัน DEB และ DEBi สำหรับการวัดการปล่อยสารมลพิษต่าง ๆ จากแก๊สไอเสียของเครื่องยนต์นี้ การใช้น้ำมัน DEE, DEB และ DEBi ลดการปล่อยปริมาณคาร์บอนมอนอกไซด์และควันดำอย่างมาก แต่มีปริมาณของไฮโดรคาร์บอนสูงกว่าการใช้น้ำมันดีเซล เนื่องจากแอนไฮดรัสเอทานอลมีความร้อนของการกลายเป็นไอรวดเร็วกว่า ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของไฮโดรคาร์บอนจากการใช้น้ำมันเหล่านี้สำหรับการวัดการสึกหรอของชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในเครื่องยนต์นี้ ในระยะเวลาทั้งหมด 500 hr การใช้น้ำมัน DEE, DEB และDEBi มีคราบเขม่ามากกว่า แต่การสึกหรอของชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในเครื่องยนต์นี้ ใกล้เคียงกับการใช้น้ำมันดีเซล อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำมันเหล่านี้ มีค่าการสึกหรอของชิ้นส่วนต่าง ๆ อยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้ซึ่งถูกกำหนดไว้ในคู่มือของเครื่องยนต์นี้ดังนั้น การใช้น้ำมันเหล่านี้ ไม่ส่งผลต่อการสึกหรอของชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในเครื่องยนต์ดีเซลในการทดสอบทั้งหมด 500 hr สุดท้าย การวิจัยนี้สรุปได้ว่า น้ำมัน DEB เหมาะสมสำหรับการประยุกต์ใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนมากกว่าน้ำมัน DEBi และ DEE เพราะว่าน้ำมันนี้ให้สมรรถนะของเครื่องยนต์สูงกว่าและ การปล่อยไฮโดรคาร์บอน และควันดำต่ำกว่าการใช้น้ำมัน DEE และน้ำน้ำมัน DEBi อย่างไร ก็ตาม การใช้น้ำมัน DEE ควรระมัดระวังความเสียหายภายในระบบฉีดเชื้อเพลิง เนื่องจากมีความดันของการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำสุด ซึ่งนำไปสู่การสึกหรอของระบบฉีดเชื้อเพลิงอย่างรวดเร็ว th_TH
dc.description.sponsorship งานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากงบประมาณเงินรายได้จากเงินอุดหนุนรัฐบาล (งบประมาณแผ่นดิน) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 มหาวิทยาลัยบูรพา ผ่านสำนักงานคณะกรรมการการวิจัยแห่งชาติ th_TH
dc.language.iso th th_TH
dc.publisher คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา th_TH
dc.subject น้ำมันดีเซล th_TH
dc.subject สารมลพิษ th_TH
dc.subject เครื่องยนตร์ดีเซล th_TH
dc.subject สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย th_TH
dc.title การศึกษาสมรรถนะ การปล่อยสารมลพิษ และการสึกหรอของเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กที่ใช้น้ำมันดีเซลผสมแอนไฮดรัสเอทานอล และสารอีมัลซิไฟเออร์ต่าง ๆ th_TH
dc.title.alternative Study of Performance, Emission and Wear in a Small Diesel Engine Using Diesel Fuel Mixed Anhydrous Ethanol and Emulsifiers en
dc.type Research th_TH
dc.author.email ekkachai@buu.ac.th
dc.year 2559 th_TH
dc.description.abstractalternative Various emissions from an exhaust gas of diesel engine, especially carbon monoxide, hydrocarbon,and black smoke, cause to the toxic environment, and they lead to the damage of human respiratory system. To decrease the release of these pollutants, development of diesel quality by increasing the oxygenated additive becomes an alternative interesting in nowadays. Anhydrous ethanol has the oxygen content and produced from the agricultural plants in Thailand, but there was a short period for a homogeneous mixture with diesel. To increase the homogeneity between diesel and ethanol, using emulsifiers to reduce the surface tension of diesel and ethanol by the emulsion method become the important key which leads to improving diesel quality. Therefore, the main objective of this research is to present about the study of physical properties of diesel blended to anhydrous ethanol and various emulsifiers, such as ethyl acetate, n-butanol, and biodiesel, compared with diesel, the investigationof fuel injection and spray, and the analysis of performance, emissions, and wear of a small diesel engine, which was the direct-injection, single-cylinder, four-stroke system, connected with a 5 kWe of generator for testing at various speeds and electrical loads in the total period of 500 hr. Results of investigating physical propertiesof diesel mixed with anhydrous ethanol and various emulsifiers, such as ethyl acetate, n-butanol, and biodiesel show that diesel blended to anhydrous ethanol and ethyl acetate (DEE) and diesel blended to anhydrous ethanol and nbutanol (DEB) did not have the separation of diesel mixed with anhydrous ethanol up to 6 months. On the other hand, diesel blended to anhydrous ethanol and biodiesel (DEBi) had the non-homogeneity after 2 months. In addition, the DEE, DEB, and DEBi oils had lower density, viscosity, flash point and heating value than diesel. Particularly, the DEE had lower physical properties than the DEB and DEBi oils. However, physical propertiesof these oils were in the scope of standard diesel as announced by the department of energy business and they could be applied for diesel engines. For analyzing the injection and spray characteristics of DEE, DEB, and DEBi oils within the common-rail injection system connected with the fuel injection and spray chamber, the use of DEE, DEB, and DEBi oils resulted in the various pressures of fuel injection system (such as input common-rail pressure, common-rail pressure, fuel line pressure of high pressure tube, and fuel injection pressure) lower than the use of diesel because these oils had lower fuel density and viscosity than diesel. Especially, the use of DEE led to the dramatic decrease in various pressures of fuel injection system and it might cause the damage to this fuel injection system. Results of testing DEE, DEB, and DEBi oils spray indicate that there were more fuel atomization and faster vaporization than diesel spray. As a result, the spray of DEE, DEB, and DEBi oils had more spray angle and shorter real spray tip penetration than the diesel spray. In case of investigating engine operation and engine performance and emissions at various speeds and electrical loads in the period of 200 hr shows that the operating temperature of diesel engine using DEE, DEB and DEBi oils had similar to using diesel but the exhaust gas temperature from using these oils was changed. This research found that the use of DEB had higher thermal efficiency than the use of DEE, DEBi and diesel oils. In addition, the use of DEBi and DEE had lower engine performance and higher fuel consumption than using diesel in all speed and load. Moreover, the use of DEE had the most fuel consumption as compared with using DEB and DEBi oils. For measuring the various pollutants from the exhaust gas of this engine, the use of DEE, DEB and DEBi oils decreased the release of carbon monoxide and black smoke extremely but the amount of hydrocarbon was higher than using diesel. Because the anhydrous ethanol had the heat of vaporization faster, it led to the increase of hydrocarbon from the use of these oils. For measuring the wear of various parts within this engine in the total period of 500 hr, the use of DEE, DEB and DEBi oils had more soot but the wear of parts within this engine was similar to using diesel. However, the use of these oils had the wear and tear values of various parts in the acceptable range which was defined in this engine manual. Therefore, the use of these oils did not affect on the wear and tear of parts within the diesel engine in the total test 500 hr.Finally, this research concludes that the DEB is suitable for applying a renewable fuel rather than the DEBi and DEE oils due to this oil gives higher engine performance and lower hydrocarbon and black smoke releases than using DEE and DEBi oils. However, using DEE should be careful of damage within the fuel injection system since there is the lowest fuel injection pressure which leads to the wear of fuel injection system quickly. en


Files in this item

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record

Search DSpace


Advanced Search

Browse

My Account