Abstract:
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการฝึกระดับเบาที่ความหนักของงาน 45%VO2max ร่วมกับการเสริมแอล-คาร์นิทีน 2 กรัม/ วัน เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ที่มีต่อการเผาผลาญแหล่งพลังงานมวลไขมัน และปริมาณการใช้ออกซิเจนสูงสุด กลุ่มตัวอย่างเป็นนิสิตชาย คณะวิทยาศาสตร์การกีฬามหาวิทยาลัยบูรพา อายุระหว่าง 19-22 ปี จำนวน 32 คน
แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ๆ ละ 8 คน กลุ่มที่ 1 ฝึกระดับเบาร่วมกับการเสริมแอล-คาร์นิทีน กลุ่มที่ 2 ฝึกระดับเบาร่วมกับ
การให้สารหลอก กลุ่มที่ 3 ฝึกระดับเบา และกลุ่มที่ 4 กลุ่มควบคุม ทดสอบวัดค่าตัวแปรการเผาผลาญไขมันและคาร์โบไฮเดรตมวลไขมัน และปริมาณการใช้ออกซิเจนสูงสุด ในช่วงก่อนการทดลอง และหลังการทดลอง นำผลมาวิเคราะห์ค่าทางสถิติโดยใช้ paired samples t-test, repeated MANOVA และเปรียบเทียบความแตกต่างเป็นรายคู่ โดยใช้วิธีของ Scheffe โดยนัยสำคัญทางสถิติกำหนดไว้ที่ระดับ .05
ผลการวิจัยพบว่า มีค่าเฉลี่ยการเผาผลาญไขมันกลุ่มฝึกระดับเบาร่วมกับการเสริมแอล-คาร์นิทีน (74.22%) มากกว่าการฝึกระดับเบาร่วมกับการให้สารหลอก (58.44%) ฝึกระดับเบา (57.60%) และกลุ่มควบคุม (49.05%) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนค่าเฉลี่ยมวลไขมันและปริมาณการใช้ออกซิเจนสูงสุด ของทั้ง 4 กลุ่ม พบว่าไม่มีความแตกต่าง นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มการฝึกระดับเบาร่วมกับการเสริมแอล-คาร์นิทีนมีค่าเฉลี่ยการเผาผลาญไขมันเพิ่มขึ้น 28.1% ส่วนการฝึกระดับเบาร่วมกับการให้สารหลอก และฝึกระดับเบาอย่างเดียวมีค่าเฉลี่ยการเผาผลาญไขมันเพิ่มขึ้นประมาณ 9.4-11.9% จากข้อมูลที่ปรากฏทำให้สามารถสรุปได้ว่าการฝึกระดับเบา 45%VO2max ร่วมกับการเสริมแอล-คาร์นิทีน 2 กรัม/วัน เป็นวิธีการที่ส่งผลให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันเพิ่มสูงขึ้น แต่ไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงค่ามวลไขมันและปริมาณการใช้ออกซิเจนสูงสุด ทั้งนี้การรับประทานแอล-คาร์นิทีน ควรทำควบคู่กับการรับประทานอาหารที่เหมาะสม และผู้ที่แพ้แอล-คาร์นิทีน ก็ควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน