Abstract:
ปัจจัยที่มีผลต่อความตั้งใจตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยแมมโมแกรมของพยาบาลวิชาชีพ จังหวัดระยอง
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความตั้งใจตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยแมมโมแกรมของพยาบาลวิชาชีพ จังหวัดระยอง กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลวิชาชีพ เพศหญิง ไม่มีประวัติเป็น
โรคมะเร็วเต้านม ปฏิบัติงานอยู่ในโรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลเอกชน จำนวน 269 คน จากการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ผูวิจัยสร้างขึ้นเอง โดยใช้แนวคิดของไอเซน(Ajzen,1991)
ประกอบด้วยปัจจัยส่วนบุคคล เจตคติต่อการคัดกรองทางตรง เจตคติต่อการคัดกรองทางอ้อม การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงทางตรง การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงทางอ้อม การรับรู้ความสามารถในการควบคุมปัจจัยทางตรง การรับรู้ความสามารถในการควบคุมปัจจัยทางอ้อม
ความตั้งใจตรวจคัดหรอง โดยเจตคติต่อการคัดกรองทางตรงและทางอ้อม การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงทางอ้อม การรับรู้ความสามารถในการควบคุมปัจจัยทางอ้อม มีค่าความเชื่อมั่นอยู่ในระดับมาก (α= .71, .82, .93 และ .80 ตามลำดับ) วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติบรรยายและสถิติถดถอยพหูคูรแบบขั้นตอน
ผลการวิจัยพบว่า ค่าเฉลี่ยของคะแนนความตั้งใจที่จะไปตรวจคัดกรองด้วยแมมโมแกรมของกลุ่มตัวอย่างในระดับมาก (M= 68.64, SD=25.44) เจตคติต่อการคัดกรองทางตรงอยู่ในระดับดี (M=0.82, SD=0.62)
เจตคติต่อการตรวจคัดกรองทางตรงอยู่ในระดับดีมาก (M= 3.42, SD 0.79) มีการคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงทางตรงและทางอ้อมในระดับมากที่สุด (M=1.57, SD=0.76; M=6.32, SD= 3.22 ตามลำดับ)
การรับรู้ความสามารถในการควบคุมปัจจัยทางตรงและทางอ้อมอยู่ในระดับไม่แน่ใจ (M=0.38, SD=1.39; M=1.81, SD=3.58 ตามลำดับ) ประสบการณ์ในการตรวจคัดกรองเจตคติต่อการคัดกรองทางอ้อม การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงทางอ้อม อายุ ระดับการศึกษามีความสัมพันธ์และร่วมกันทำนายความตั้งใจตรวจคัดกรองด้วยแมมโมแกรมของพยาบาลวิชาชีพ จังหวัดระยองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.05) ได้ร้อยละ 29.5 ด้วยสมการถดถอย
Z'ความตั้งใจตรวจคัดกรอง = 0.199Z'ประสบการณ์ในการตรวจคัดกรอง +0.222Z'เจตคติต่อการคัดกรองทางอ้อม +0.223Z'การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงทางอ้อม +0.168Z'ค่าลอการิทึมของอายุ +0.127Z'การศึกษาระดับปริญญาโท
ผลการวิจัยในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า พยาบาลวิชาชีพมีความตั้งใจมากที่จะไปตรวจคัดกรองด้วยแมมโมแกรม ปัจจัยทำนายที่พบในงานวิจัยนี้ พยาบาลเวชปฏิบัติสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการกระตุ้นให้พยาบาลวิชาชีพมีความตั้งใจเข้ารับการตรวจคัดกรองเต้านม เพื่อลดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็วเต้านม