dc.contributor.author | สุพนิดา ชัยวิทย์ | |
dc.contributor.author | ศรีวรรณ มีคุณ | |
dc.contributor.other | มหาวิทยาลัยบูรพา. คณะศึกษาศาสตร์ | |
dc.date.accessioned | 2019-03-25T09:14:40Z | |
dc.date.available | 2019-03-25T09:14:40Z | |
dc.date.issued | 2549 | |
dc.identifier.uri | http://dspace.lib.buu.ac.th/xmlui/handle/1234567890/2268 | |
dc.description.abstract | การวิจัยครั้งนี้ ใช้รูปแบบการศึกษาเชิงคุณภาพแบบชาติพันธุ์วรรณา เป็นการศึกษาเฉพาะกรณี และเป็นการวิจัยเชิงพรรณามีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจกับการจัดการในครอบครัวรูปแบบต่างๆ กับพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นหญิงในสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี กลุ่มตัวอย่างเป็นวัยรุ่นหญิงที่กำลังศึกษาในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2- ปริญญาตรีอายุระหว่าง 14-18 ปีวิธีการเก็บข้อมูลรวบรวมจากการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก การสังเกตแบบมีส่วนร่วม การสัมภาษณ์ผู้รู้การสนทนากลุ่มการศึกษาติดตามกรณีตัวอย่างและการศึกษาจากทะเบียนประวัติของนักเรียน-นักศึกษาใช้ระยะเวลาเก็บข้อมูล 7 เดือนผู้ให้ข้อมูลจำนวนทั้งหมด 17 ราย ผลการศึกษาพบว่าการจัดการในครอบครัวของวัยรุ่นหญิงมี 3 รูปแบบคือ 1) การจัดการในครอบครัวแบบตามใจ 2) การจัดการในครอบครัวแบบละเลยทอดทิ้ง 3) การจัดการในครอบครัวแบบบงการเข้มงวด ลักษณะการจัดการในครอบครัวที่พบมากที่สุด คือ การจัดการแบบตามใจ และลักษณะรูปแบบของครอบครัวที่พบ คือ ครอบครัวเดี่ยว ครอบครัวขยาย ครอบครัวพ่อ-แม่เลี้ยงเดี่ยว และครอบครัวที่พ่อและแม่เป็นเพศเดียวกัน (ครอบครัวเลสเบี้ยน) โดยครอบครัวพ่อ-แม่เลี้ยงเดี่ยว พบมากที่สุดส่วนพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นหญิง ผลการวิจัยพบว่ามีทั้งการมีเพศสัมพันธ์กับต่างเพศ รักร่วมเพศ การมีกิ๊ก การอยู่ก่อนแต่ง โดยจำนวนผู้ให้ข้อมูลที่มีเพศสัมพันธ์กับต่างเพศและรักร่วมเพศ ใกล้เคียงกัน คือ วัยรุ่นหญิงมีเพศสัมพันธ์กับต่างเพศร้อยละ 52.94 และ รักร่วมเพศร้อยละ 47.06 ส่วนพฤติกรรม การมี “กิ๊ก” วัยรุ่นหญิงทุกคนมีกิ๊กไม่ต่ำกว่า 2 คน อายุเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกต่ำสุด 13 ปี ช้าสุด 16 ปี อายุเฉลี่ย 14.30 ปี โดยวัยรุ่นหญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับคนรัก ไม่มีการใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน เหตุผลคือ เป็นการมีความสัมพันธ์กับคนรัก ความเชื่อใจคนรัก ไม่คิดว่าจะมีโรคติดต่อ การมีเพศสัมพันธ์เป็นการแสดงออกถึงความรัก เหตุผลที่ยินยอมมีเพศสัมพันธ์ เพราะ ความรักความใกล้ชิด ต้องการความรักความอบอุ่น ที่ขาดหายไปจากครอบครัวและต้องการตามใจคนรัก การศึกษาวิจัยได้อธิบายถึงทัศนคติต่อการมีเพศสัมพันธ์ซึ่งวัยรุ่นหญิงเชื่อว่าเป็นผลต่อเนื่องจากความรัก เป็นเรื่องที่ไม่เสียหาย ไม่คาดคิดถึงการแต่งงาน ผลการวิจัยนำไปสู่ข้อเสนอแนะในการป้องกันและแก้ไขพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นหญิงที่จะต้องเริ่มต้นตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน สถาบันการศึกษา ภาครัฐ และองค์กรเอกชนทุกส่วนของสังคมควรตระหนักร่วมกัน โดยให้ความรู้ด้านเพศศึกษา การคบเพื่อน การรู้จักคุณค่าในตนเอง โดยเฉพาะการจัดการในครอบครัวด้วยความรักความเข้าใจการสื่อสารเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศในครอบครัว จะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนทัศนคติการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยในวัยเรียน | th_TH |
dc.language.iso | th | th_TH |
dc.subject | บิดามารดาและวัยรุ่น | th_TH |
dc.subject | วัยรุ่นหญิง - - พฤติกรรมทางเพศ | th_TH |
dc.subject | วัยรุ่นหญิง | th_TH |
dc.subject | สาขาสังคมวิทยา | th_TH |
dc.subject | เพศสัมพันธ์ | |
dc.title | การจัดการในครอบครัวกับพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นหญิง | th_TH |
dc.type | บทความวารสาร | th_TH |
dc.issue | 1 | |
dc.volume | 2 | |
dc.year | 2549 | |
dc.description.abstractalternative | This study used the qualitative design of ethnography by means of cases study for understanding different types of family management related to girl sexual behaviors. The sample consisted of secondary up to bachelor degree girl, with 14 to 18 years old in the institute in Chanthaburi, Thailand. Data was gathered using in-depth interview, observation, participant observation, key informant interview, focus group, follow up case study and student bio data. This process had spent for 7 months included 17 participants. It was found that there were 3 types of girl family management: 1) Indulgent 2) Neglectful and 3) Authoritarian. The Indulgent type was mostly found and traits of families were nuclear family extended family, single-parents family and lesbian family. Single – parent family was mostly found. The girl sexual behaviors were normal sexual, homosexual, lesbian, Gig (more than friend but not the lover) and living together. The numbers of participants who had normal sexual and homosexual were proximity. The study was found that normal sexual was 52.94% and homosexual was 47.06%. In case of the Gig behavior, each girl had Gig at least 2 persons at the same time. For the first sexual behavior, the minimum age was 13 years old the maximum was 16 years old and the average was 14.30 years old. The girl had intercourse without condom because of the reason for trust their lovers, no contagious disease and they thought that having intercourse was the loving expression. They consent to have intercourse because they need love and warmth from families so they needed the good felling and pleasure from lovers instead. The study described the sexual behavior attitude of the girls that the intercourse was continued from love, it’s not contemptibility and unnecessary to marry. The findings suggested that it should be protect and remedy girl sexual behavious that begin from the family, community, educational institute, government and private organization. Every section of society had to realize to instruct sex education, associate with their friends and made themselves worthiness, especially to manage family with love, understanding and communicate about sexual behavior among student. | en |
dc.journal | วารสารการศึกษาและการพัฒนาสังคม = Journal of Education and Social Development | |
dc.page | 139-156. |